ผมเป็นผู้จัดการอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
ผมเจอกับสิ่งวุ่นวายต่างๆมากมายมากว่าสามปีที่ประกอบอาชีพนี้ อย่างเช่นเรื่องที่มีหญิงคนหนึ่งในอพาร์ตเมนท์ได้เสียชีวิต
และทิ้งแมวที่เธอเลี้ยงไว้ 30 กว่าตัวในห้องนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเลี้ยงพวกมันเอาไว้เยอะถึงขนาดนั้น
ผมนึกว่าเธอจะเลี้ยงไว้ซักสองหรือสามตัว ฤดูร้อนปีที่แล้วผมก็เจอกับเรื่องราวสยองขวัญกับผู้เช่ารายต่อมาของผม
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมคงจะเล่าได้เพียงครึ่งนึงเท่านั้น แต่ผมมั่นใจเลยว่าคุณก็คงจะสยองขวัญไม่แพ้กันกับผมแน่นอน
ผมรับโทรศัพท์ในขณะที่ผมอยู่ในบาร์ตอนดึกในวันศุกร์จากผู้เช่ารายหนึ่งของผม
พวกเขาโทรมาบอกว่าได้กลิ่นเหม็นเน่ามาจากข้างห้องที่พวกเขาเช่าอยู่
ผมรู้จักผู้เช่าที่อยู่ในห้องนั้น เขาแก่มากแล้ว
และความคิดแรกที่ผมคิดคือเขาคงจะเสียชีวิตและกลิ่นนั้นคงจะเป็นกลิ่นของศพ
ผมเมาเกินกว่าจะขับรถเองได้ผมจึงบอกให้เพื่อนผมขับรถพาไปที่อพาร์ตเมนท์นั้น
ผมถามเพื่อนว่าอยากจะเข้าไปดูในห้องกับผมมั้ย
แต่เขาปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นศพ ผมคิดกับตัวเองว่า "ใครมั่งที่ไม่อยากจะลองห็นศพด้วยตาตัวเองสักครั้ง" ผมคิดว่าเขาคงไม่เมาเหมือนกับผมตอนนั้น ผมบอกให้เขารอผมในรถซักแปป
เขาก็ตอบตกลง ผมมองไปยังอพาร์ตเมนท์ของผม ผมว่าผมน่าจะให้เพื่อนมากับผมจริงๆ
ผมขึ้นไปยังชั้นบนที่ห้องดังกล่าวแล้วเคาะประตูสองสามครั้ง แล้วถามเข้าไปในห้องว่า
"คุณเชอร์แมน (นามสมมติ) คุณสบายดีมั้ยครับ? ผมมาตรวจสอบห้องคุณหน่อยนะครับ"
เมื่อผมเห็นว่าเค้าไม่ได้ส่งเสียงใดๆตอบผม
ผมจึงปลดล็อกประตูแล้วเข้าไปในห้องดังกล่าว
กลิ่นฉุนนั้นแรงแตะจมูกของผมอย่างมาก
ผมเคยแล่เนื้อกวางมูซมาก่อนและกลิ่นมันเหม็นมากเมื่อผมได้กลิ่นมัน
และกลิ่นในห้องนี้มันคล้ายกันมาก
ถ้าจะให้อธิบายก็คือผมคิดว่ากลิ่นพวกนี้มันเกินกว่าที่จะให้ผมคิดว่ามันมีศพของใครซักคนอยู่ในห้องนี้
แต่ผมก็ยังคงต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะเรียกตำรวจมา
เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะสุดสัปดาห์ซะด้วย
ผมจึงตรวจสอบห้องของอพาร์ตเมนท์นี้ต่อไปทุกซอกซุกมุม
ผมรู้โครงสร้างของอพาร์ตเมนท์นี้อยู่แล้ว (ห้องส่วนใหญ่จะเหมือนๆกัน) ผมจึงเริ่มดูในแต่ละห้องของชายคนนี้ในขณะเดียวกันผมก็ถือเสื้อเชิร์ตบังหน้าเผื่อเอาไว้กันกลิ่นเหม็นเน่าที่ออกมา
เริ่มจากห้องนั่งเล่น (เป็นห้องแรกที่คุณเจอหลังเปิดประตูเข้ามา)
น่าแปลกใจที่มันสะอาดเอี่ยมอ่อง ตั้งหนังสือที่อยู่บนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม
และโทรศัพท์ที่แขวนอยู่บนผนังก็ถูกวางไว้ในที่ๆมันควรวาง
จากนั้นผมมองไปที่มุมห้องแล้วเผลอสบถกับตัวเองว่า "ชิ*หาย" และรีบถอยห่างออกมา
มีหมาตัวนึงจ้องมาที่ผม มันเป็นพันธุ๋เทอร์เรียตัวเล็กสีดำ
มันไม่ได้เห่าหรือทำอะไรเลยซึ่งผมคิดว่ามันก็แค่กลัว ผมจึงหัวเราะตัวเองที่ดันไปกลัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง
มันยังคงนึ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
ผมรู้สึกแปลกๆหลังจากเวลาผ่านไปค่อนข้างนานแล้วมันยังคงไม่ขยับไปไหนเหมือนเดิม
หรือว่ามันจะเป็น.... ใช่แล้วครับมันโดนจับทำสตัฟฟ์
ชายคนนั้นได้สตัฟฟ์หมาเทอร์เรียร์ในห้องนั่งเล่นของเขา แปลกจริงๆ แต่ผมก็ยังคงอารมณ์ดีอยู่
ยังคงหัวเราะตัวเองที่ไปกลัวหมาสตัฟฟ์ ผมเดินไปยังซ้ายมือไปที่ห้องครัวต่อไป
ห้องครัวนั้นค่อนข้างรก
มีมีดอยู่ในอ่างล้างมือ และเคาท์เตอร์มีเศษขนมปังและข้าวของอื่นๆว่างอยู่
ผมเปิดตู้เย็นดูว่าจะมีกลิ่นอะไรออกมามั้ย แต่ก็ไม่มี ตู้เย็นว่างเปล่า
ไม่มีข้าวของส่วนตัวของเค้าอยู่เลยในห้องนั่งเล่นแล้วห้องครัวยกเว้นจานสองสามใบ
และหมาสตัฟฟ์สีดำตัวนั้นในห้องนั่่งเล่น ผมจึงกลับไปที่ห้องนั่งเล่นแล้ว
ชิ*หายแล้วหมามันขยับได้!! แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
เพราะว่ามันมีหมาอีกตัวอยู่หลังโซฟาซึ่งผมไม่ได้สังเกตในตอนแรก
แต่ก็เกือบทำให้ผมหัวใจวายเหมือนกัน
ชายประหลาดคนนี้สตัฟฟ์หมาตัวเองไว้สองตัวแต่ละตัวก็มองไปคนละทิศละทาง
ซึ่งตัวที่สองมันไม่เหมือนพันธุ์เทอร์เรีย มันคล้ายๆกับชิทสุซะมากกว่านะผมว่า
แต่ช่างมันเถอะ ณ จุดๆนี้ผมยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วอยู่ในหูตัวเองอยู่เลย
พอผมได้สติอีกครั้งผมก็เดินไปยังห้องโถงแล้วตรวจดูตู้เสื้อผ้า
ว่างเปล่า กลิ่นมันเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ห้องต่อไปคือห้องนอน
ในห้องนี้กลิ่นไม่แรงมากเท่าไรผมจึงคิดว่าห้องนี้คงไม่มีอะไรมั้ง ห้องค่อนข้างมืดผมจึงเปิดสวิตซ์ไฟห้องนอนขึ้น
แล้วจู่ๆฟูกก็ตกลงมาจากเตียงนอน สิ่งที่ผมเห็นคือ ผ้าปูที่นอนขาดรุ่งริ่ง และมีรูและรอยขีดข่วนมากมายเต็มผนังห้อง
ซึ่งรอยอยู่ในระดับอก อาจจะเป็นร่องรอยการต่อสู้อะไรซักอย่าง
และสิ่งที่น่าแขยงที่สุดก็คือคราบสีแดงมากมายอยู่บนพรมเช็ดเท้า สีแดงเหมือนกับไวน์
(อย่าลืมว่าตอนนั้นผมกำลังเมาอยู่ ) ผมจึงคิดว่าไอคราบนี้คงไม่ใช่เลือดหรอก
(ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือเลือดนั่นแหละ ผมนี่โง่จริงๆ) สิ่งที่ผมคิดอยู่ในหัวก็คือ “ช่างมันและเรื่องเงินค่าเช่าห้อง
ไอคนที่มันอยู่ห้องนี้ต้องไสหัวออกไปให้ได้” ทุกๆห้องที่ผมตรวจสอบนั้นผมก็หวังว่าจะพบกับศพในซักห้องนึงเพื่อที่จะรู้ว่าต้นตอของกลิ่นมันอยู่ตรงไหนแล้วออกมาจากสถานที่นี้ซักที
จากนั้นผมไปยังห้องน้ำและมีพรมเช็ดเท้าขนอยู่ในนั้น
แต่มันดูไม่เหมือนกับพรมเช็ดเท้า มันเหมือนกับขนสัตว์เล็ก ประมาณ 20
กว่าชนิดมารวมกันวางอยู่บนพื้นห้องน้ำซะมากกว่า ส่วนใหญ่จะสีดำและน้ำตาล
แต่ก็มีบางอันสีขาว ผมไม่มันใจว่ากลิ่นมันเหม็นรึเปล่า แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ต้นตอของกลิ่นแน่นอน
ผมกลับไปยังห้องโถงไปยังอีกห้องนอนนึง
ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
อดรีนาลีนหลั่งไปทั่วตัวผม มันรู้สึกเหมือนกับอยู่ในหนังสยองขวัญ
ผมตรงไปยังห้องนอนซึ่งเป็นห้องสุดท้ายและแน่นอน ผมเจอศพในห้องนั้น เขานอนตายหน้าคว่ำอยู่บนเตียงนอนของเขาโดยที่เข่าของเขาวางอยู่บนพื้น
ไม่ใส่กางเกงใน ก้นเปล่าๆนั้นหันมาทางเดินประตู (ที่ผมนั่นแหละ)
ตอนนี้ผมต้องออกจากที่แห่งนี้แล้วไปบอกเพื่อนผมในรถว่าผมเจออะไร
และเขาไม่เชื่อจนกระทั่งตำรวจมาถึง
นี่ผมยังไม่ได้เล่าส่วนที่แย่ที่สุดของเรื่องเลย
ตำรวจนายหนึ่งบอกผมว่า
จริงๆแล้วชายคนนี้เป็นสัตวแพทย์และเขามักจะนำศพของสัตว์ทุกตัวที่ตายแล้วจากฝีมือของเขากลับมาบ้าน
เขาเป็นพวกโรคจิตชอบถลกหนังพวกมันและโยนร่างที่ไร้หนังเหล่านั้นลงในอ่างอาบน้ำในห้องน้ำอีกห้องนึง
ซึ่งเป็นห้องที่ผมยังไม่ได้เช็ค ห้องน้ำที่ผมเช็คแล้วนั้นเป็นที่ๆเค้าเก็บหนังสัตว์ของพวกมันนั่นเอง
(ที่มันเหมือนกับพรมนั่นแหละ)
และส่วนที่เลวร้ายของเลวร้ายที่สุดก็คือชายคนนี้ตายจากอาการหัวใจวายในขณะที่เขากำลังเอาลำไส้ของสัตว์ตัวนึงมาสำเร็จความไคร่โดยการยัดที่ก้นของเขา
และทิ้งมันเป็นกองพะเนินไว้ในอ่างอาบน้ำหลังจากที่เขาเสร็จแล้ว
ในที่สุดค่าเช่าประมาณ 500 เหรียญนั้นก็ไม่ได้เพียงพอสำหรับการซ่อมแซมอพาร์ตเมนท์
แถมยังทิ้งเรื่องราวสะเทือนใจให้กับผู้จัดการอพาร์ตเมนท์อย่างผมอีกด้วย
ใช่
ผมโคตรเกลียดงานนี้เลย