วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Being an apartment manager sucks



ผมเป็นผู้จัดการอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง ผมเจอกับสิ่งวุ่นวายต่างๆมากมายมากว่าสามปีที่ประกอบอาชีพนี้ อย่างเช่นเรื่องที่มีหญิงคนหนึ่งในอพาร์ตเมนท์ได้เสียชีวิต และทิ้งแมวที่เธอเลี้ยงไว้ 30 กว่าตัวในห้องนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเลี้ยงพวกมันเอาไว้เยอะถึงขนาดนั้น ผมนึกว่าเธอจะเลี้ยงไว้ซักสองหรือสามตัว ฤดูร้อนปีที่แล้วผมก็เจอกับเรื่องราวสยองขวัญกับผู้เช่ารายต่อมาของผม เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมคงจะเล่าได้เพียงครึ่งนึงเท่านั้น แต่ผมมั่นใจเลยว่าคุณก็คงจะสยองขวัญไม่แพ้กันกับผมแน่นอน

ผมรับโทรศัพท์ในขณะที่ผมอยู่ในบาร์ตอนดึกในวันศุกร์จากผู้เช่ารายหนึ่งของผม พวกเขาโทรมาบอกว่าได้กลิ่นเหม็นเน่ามาจากข้างห้องที่พวกเขาเช่าอยู่ ผมรู้จักผู้เช่าที่อยู่ในห้องนั้น เขาแก่มากแล้ว และความคิดแรกที่ผมคิดคือเขาคงจะเสียชีวิตและกลิ่นนั้นคงจะเป็นกลิ่นของศพ ผมเมาเกินกว่าจะขับรถเองได้ผมจึงบอกให้เพื่อนผมขับรถพาไปที่อพาร์ตเมนท์นั้น

ผมถามเพื่อนว่าอยากจะเข้าไปดูในห้องกับผมมั้ย แต่เขาปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นศพ ผมคิดกับตัวเองว่า "ใครมั่งที่ไม่อยากจะลองห็นศพด้วยตาตัวเองสักครั้ง" ผมคิดว่าเขาคงไม่เมาเหมือนกับผมตอนนั้น ผมบอกให้เขารอผมในรถซักแปป เขาก็ตอบตกลง ผมมองไปยังอพาร์ตเมนท์ของผม ผมว่าผมน่าจะให้เพื่อนมากับผมจริงๆ ผมขึ้นไปยังชั้นบนที่ห้องดังกล่าวแล้วเคาะประตูสองสามครั้ง แล้วถามเข้าไปในห้องว่า "คุณเชอร์แมน (นามสมมติ) คุณสบายดีมั้ยครับ? ผมมาตรวจสอบห้องคุณหน่อยนะครับ" เมื่อผมเห็นว่าเค้าไม่ได้ส่งเสียงใดๆตอบผม ผมจึงปลดล็อกประตูแล้วเข้าไปในห้องดังกล่าว

กลิ่นฉุนนั้นแรงแตะจมูกของผมอย่างมาก ผมเคยแล่เนื้อกวางมูซมาก่อนและกลิ่นมันเหม็นมากเมื่อผมได้กลิ่นมัน และกลิ่นในห้องนี้มันคล้ายกันมาก ถ้าจะให้อธิบายก็คือผมคิดว่ากลิ่นพวกนี้มันเกินกว่าที่จะให้ผมคิดว่ามันมีศพของใครซักคนอยู่ในห้องนี้ แต่ผมก็ยังคงต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะเรียกตำรวจมา  เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะสุดสัปดาห์ซะด้วย

ผมจึงตรวจสอบห้องของอพาร์ตเมนท์นี้ต่อไปทุกซอกซุกมุม ผมรู้โครงสร้างของอพาร์ตเมนท์นี้อยู่แล้ว (ห้องส่วนใหญ่จะเหมือนๆกัน) ผมจึงเริ่มดูในแต่ละห้องของชายคนนี้ในขณะเดียวกันผมก็ถือเสื้อเชิร์ตบังหน้าเผื่อเอาไว้กันกลิ่นเหม็นเน่าที่ออกมา เริ่มจากห้องนั่งเล่น (เป็นห้องแรกที่คุณเจอหลังเปิดประตูเข้ามา) น่าแปลกใจที่มันสะอาดเอี่ยมอ่อง ตั้งหนังสือที่อยู่บนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม และโทรศัพท์ที่แขวนอยู่บนผนังก็ถูกวางไว้ในที่ๆมันควรวาง จากนั้นผมมองไปที่มุมห้องแล้วเผลอสบถกับตัวเองว่า "ชิ*หาย" และรีบถอยห่างออกมา มีหมาตัวนึงจ้องมาที่ผม มันเป็นพันธุ๋เทอร์เรียตัวเล็กสีดำ มันไม่ได้เห่าหรือทำอะไรเลยซึ่งผมคิดว่ามันก็แค่กลัว ผมจึงหัวเราะตัวเองที่ดันไปกลัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันยังคงนึ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ผมรู้สึกแปลกๆหลังจากเวลาผ่านไปค่อนข้างนานแล้วมันยังคงไม่ขยับไปไหนเหมือนเดิม หรือว่ามันจะเป็น.... ใช่แล้วครับมันโดนจับทำสตัฟฟ์ ชายคนนั้นได้สตัฟฟ์หมาเทอร์เรียร์ในห้องนั่งเล่นของเขา แปลกจริงๆ แต่ผมก็ยังคงอารมณ์ดีอยู่ ยังคงหัวเราะตัวเองที่ไปกลัวหมาสตัฟฟ์ ผมเดินไปยังซ้ายมือไปที่ห้องครัวต่อไป

ห้องครัวนั้นค่อนข้างรก มีมีดอยู่ในอ่างล้างมือ และเคาท์เตอร์มีเศษขนมปังและข้าวของอื่นๆว่างอยู่ ผมเปิดตู้เย็นดูว่าจะมีกลิ่นอะไรออกมามั้ย แต่ก็ไม่มี ตู้เย็นว่างเปล่า ไม่มีข้าวของส่วนตัวของเค้าอยู่เลยในห้องนั่งเล่นแล้วห้องครัวยกเว้นจานสองสามใบ และหมาสตัฟฟ์สีดำตัวนั้นในห้องนั่่งเล่น  ผมจึงกลับไปที่ห้องนั่งเล่นแล้ว ชิ*หายแล้วหมามันขยับได้!! แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะว่ามันมีหมาอีกตัวอยู่หลังโซฟาซึ่งผมไม่ได้สังเกตในตอนแรก แต่ก็เกือบทำให้ผมหัวใจวายเหมือนกัน ชายประหลาดคนนี้สตัฟฟ์หมาตัวเองไว้สองตัวแต่ละตัวก็มองไปคนละทิศละทาง ซึ่งตัวที่สองมันไม่เหมือนพันธุ์เทอร์เรีย มันคล้ายๆกับชิทสุซะมากกว่านะผมว่า แต่ช่างมันเถอะ ณ จุดๆนี้ผมยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วอยู่ในหูตัวเองอยู่เลย

พอผมได้สติอีกครั้งผมก็เดินไปยังห้องโถงแล้วตรวจดูตู้เสื้อผ้า ว่างเปล่า กลิ่นมันเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ห้องต่อไปคือห้องนอน ในห้องนี้กลิ่นไม่แรงมากเท่าไรผมจึงคิดว่าห้องนี้คงไม่มีอะไรมั้ง ห้องค่อนข้างมืดผมจึงเปิดสวิตซ์ไฟห้องนอนขึ้น แล้วจู่ๆฟูกก็ตกลงมาจากเตียงนอน สิ่งที่ผมเห็นคือ ผ้าปูที่นอนขาดรุ่งริ่ง และมีรูและรอยขีดข่วนมากมายเต็มผนังห้อง ซึ่งรอยอยู่ในระดับอก อาจจะเป็นร่องรอยการต่อสู้อะไรซักอย่าง และสิ่งที่น่าแขยงที่สุดก็คือคราบสีแดงมากมายอยู่บนพรมเช็ดเท้า สีแดงเหมือนกับไวน์ (อย่าลืมว่าตอนนั้นผมกำลังเมาอยู่ ) ผมจึงคิดว่าไอคราบนี้คงไม่ใช่เลือดหรอก (ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือเลือดนั่นแหละ ผมนี่โง่จริงๆ) สิ่งที่ผมคิดอยู่ในหัวก็คือ ช่างมันและเรื่องเงินค่าเช่าห้อง ไอคนที่มันอยู่ห้องนี้ต้องไสหัวออกไปให้ได้ทุกๆห้องที่ผมตรวจสอบนั้นผมก็หวังว่าจะพบกับศพในซักห้องนึงเพื่อที่จะรู้ว่าต้นตอของกลิ่นมันอยู่ตรงไหนแล้วออกมาจากสถานที่นี้ซักที จากนั้นผมไปยังห้องน้ำและมีพรมเช็ดเท้าขนอยู่ในนั้น แต่มันดูไม่เหมือนกับพรมเช็ดเท้า มันเหมือนกับขนสัตว์เล็ก ประมาณ 20 กว่าชนิดมารวมกันวางอยู่บนพื้นห้องน้ำซะมากกว่า ส่วนใหญ่จะสีดำและน้ำตาล แต่ก็มีบางอันสีขาว ผมไม่มันใจว่ากลิ่นมันเหม็นรึเปล่า แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ต้นตอของกลิ่นแน่นอน

ผมกลับไปยังห้องโถงไปยังอีกห้องนอนนึง ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ อดรีนาลีนหลั่งไปทั่วตัวผม มันรู้สึกเหมือนกับอยู่ในหนังสยองขวัญ ผมตรงไปยังห้องนอนซึ่งเป็นห้องสุดท้ายและแน่นอน ผมเจอศพในห้องนั้น เขานอนตายหน้าคว่ำอยู่บนเตียงนอนของเขาโดยที่เข่าของเขาวางอยู่บนพื้น ไม่ใส่กางเกงใน ก้นเปล่าๆนั้นหันมาทางเดินประตู (ที่ผมนั่นแหละ) ตอนนี้ผมต้องออกจากที่แห่งนี้แล้วไปบอกเพื่อนผมในรถว่าผมเจออะไร และเขาไม่เชื่อจนกระทั่งตำรวจมาถึง

นี่ผมยังไม่ได้เล่าส่วนที่แย่ที่สุดของเรื่องเลย ตำรวจนายหนึ่งบอกผมว่า จริงๆแล้วชายคนนี้เป็นสัตวแพทย์และเขามักจะนำศพของสัตว์ทุกตัวที่ตายแล้วจากฝีมือของเขากลับมาบ้าน เขาเป็นพวกโรคจิตชอบถลกหนังพวกมันและโยนร่างที่ไร้หนังเหล่านั้นลงในอ่างอาบน้ำในห้องน้ำอีกห้องนึง ซึ่งเป็นห้องที่ผมยังไม่ได้เช็ค ห้องน้ำที่ผมเช็คแล้วนั้นเป็นที่ๆเค้าเก็บหนังสัตว์ของพวกมันนั่นเอง (ที่มันเหมือนกับพรมนั่นแหละ) และส่วนที่เลวร้ายของเลวร้ายที่สุดก็คือชายคนนี้ตายจากอาการหัวใจวายในขณะที่เขากำลังเอาลำไส้ของสัตว์ตัวนึงมาสำเร็จความไคร่โดยการยัดที่ก้นของเขา และทิ้งมันเป็นกองพะเนินไว้ในอ่างอาบน้ำหลังจากที่เขาเสร็จแล้ว ในที่สุดค่าเช่าประมาณ 500 เหรียญนั้นก็ไม่ได้เพียงพอสำหรับการซ่อมแซมอพาร์ตเมนท์ แถมยังทิ้งเรื่องราวสะเทือนใจให้กับผู้จัดการอพาร์ตเมนท์อย่างผมอีกด้วย

ใช่ ผมโคตรเกลียดงานนี้เลย