วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

Mr. Widemouth

ในตอนที่ผมยังเล็ก ครอบครัวของผมเปรียบเหมือนกับหยดน้ำหยดหนึ่งในแม่น้ำอันกว้างใหญ่ ไม่เคยอยู่
ที่ใดที่นึงเป็นเวลานานๆ เราอาศัยอยู่ที่รัฐโรดไอแลนด์เมื่อผมอายุแปดปี จนกระทั่งผมย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่โคโลราโดสปริงส์ ความทรงจำวัยเด็กของผมส่วนใหญ่จะอยู่ที่รัฐโรดไอแลนด์ แต่มันมีสิ่งเล็กๆสิ่งนึงอยู่ภายในความทรงจำของผม ในช่วงที่ครอบครัวของผมย้ายบ้านไปหลายที่เมื่อตอนที่ผมยังเด็กกว่านี้มาก

ความทรงจำส่วนใหญ่ในตอนนั้นค่อนข้างจะเรือนลาง เล่นวิ่งไล่จับกับเพื่อนที่สนามหลังบ้านที่คาร์ลอรินา พยายามสร้างแพให้ลอยในอ่าวเล็กด้านหลังอพาร์ตเมนต์ที่เราเช่ากันที่แพนซีเวเนียร์ ฯลฯ แต่มันมีความทรงจำนึงที่ผมจำได้อย่างชัดเจน เหมือนกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ผมก็อยากจะคิดว่าเรื่องที่ผมจำได้นี้มันอาจจะเป็นความฝันที่ผมคิดไปเองตอนที่ผมป่วยอยู่ที่สปริง แต่ในใจลึกๆแล้ว ผมรู้ว่านี่คือเรื่องจริง

พวกเราอาศัยอยู่ที่บ้านด้านนอกของมหานครที่แออัดที่นิวไวน์ยาร์ด มีประชากร 643 คน บ้านหลังนี้ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับครอบครัวผมที่มีกันแค่สามคน มีห้องที่ผมยังไม่เคยเห็นเป็นเวลาห้าเดือนที่ผมมาอาศัยอยู่ ผมคิดว่าห้องนี้มันไม่มีประโยชน์  แต่บางทีพ่อของผมก็ใช้ห้องนี้ในการทำงาน

หนึ่งวันหลังจากครบรอบวันเกิด 5 ปีของผม ผมลงมาข้างล่างเนื่องจากเป็นไข้ แพทย์บอกกับผมว่าผมเป็นโรคโมโนนิวคลิโอลิส (เป็นการติดเชื้อไวรัสที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบต่อมน้ำเหลือง และต่อมในบริเวณของคอ บริเวณของขา-หนีบ แขน หลอดลม ม้ามและตับ) นั่นหมายความว่าผมจะไปเล่นที่ไหนไม่ได้ แล้วไข้ยังคงขึ้นสูงไปอีกอย่างน้อยสามอาทิตย์ มันเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายมากเวลาที่ผมเจ็บเรื้อรังแล้วลุกไปไหนไม่ได้ ในตอนที่พวกเราจัดของเตรียมที่จะย้ายไปอยู่เพนซิลเวเนีย และของส่วนใหญ่ของผมก็ถูกแพ็คใส่กล่อง ตอนย้ายเข้ามาใหม่ๆ แม่ผมมักจะซื้อ Ginger ale (เครื่องดื่มขิง มีรสซ่า) กับหนังสือให้ผมอยู่หลายครั้ง แรกๆมันก็ทำให้ผมมีความสุข แต่นานๆไปเข้าความเบื่อก็เข้ามาแทน

ผมจำไม่ค่อยได้ว่าผมพบกับ Mr.Widemouth (ขอเรียกต่อจากนี้ว่า นายปากกว้าง) เมื่อไหร่ ผมคิดว่ามันน่าเป็นช่วงหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ผมป่วยเป็นโรคโมโน ความทรงจำแรกที่มีต่อสิ่งมีชีวิตร่างเล็กนี้คือผมถามเค้าไปว่าคุณมีชื่อมั้ย เค้าบอกให้ผมเรียกตัวเค้าว่า นายปากกว้าง เพราะว่าปากของเค้ากว้าง อันที่จริงคือทุกอย่างของเขาใหญ่มากเมื่อเทียบกับลำตัวของเขาไม่ว่าจะเป็น หัว ลูกตา หูที่เหมือนเวตาล แต่ดูเหมือนว่าปากของเขาน่าจะกว้างที่สุดแล้ว

"คุณดูเหมือนกับเฟอร์บี้เลย" ผมพูดระหว่างที่เค้าเปิดหน้าหนังสือของผม

เขาถามผมกลับมาว่า "เฟอร์บี้ ? เฟอร์บี้มันลักษณะยังไงล่ะ?"

ผมตอบกลับไปว่า "คุณน่าจะรู้นะ ...ของเล่น เป็นหุ่นยนต์ตุ๊กตาตัวเล็กๆที่มีหูใหญ่ๆ คุณสามารถให้อาหารและเลี้ยงมันได้ เหมือนกับสัตว์เลี้ยงจริงๆ.

"โอ้" "แกไม่จำเป็นที่จะต้องมีมันหรอก มันไม่เหมือนกับที่เรามีเพื่อนแท้จริงๆหรอก" เขาตอบผม

ผมจำได้ว่า นายปากกว้างมักจะหายตัวไปทุกครั้งที่แม่ของผมเข้ามาตรวจห้องของผม "ข้าหลบอยู่ใต้เตียงของแกน่ะแหล่ะ" เขาอธิบายทีหลัง "ข้าไม่อยากให้พ่อแม่แกเห็นข้าน่ะ ไม่งั้นเราทั้งคู่อาจจะไม่ได้เล่นกันอีกเลยนะ"

เราสองคนไม่ได้ทำอะไรกันมากในวันแรกๆที่เจอกัน นายปากกว้างก็แค่ดูหนังสือของผม ตื่นตาตื่นใจกับภาพและเนื้อเรื่องที่อยู่ในหนังสือแต่ละเล่ม วันที่สามและสี่ในตอนเช้าหลังจากที่ผมพบเขา เขาทักทายผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง "ข้ามีเกมใหม่อยากให้เราเล่นกัน" เค้าพูด "พวกเราจะต้องรอหลังจากที่แม่ของแกมาตรวจห้องแล้ว เพราะว่าเราจะให้เธอเห็นไม่ได้ มันเป็นเกมแห่งความลับ"

หลังจากที่แม่เอาหนังสือและเครื่องดื่มมาให้ผมตามปกติ นายปากกว้างออกมาจากเตียงแล้วดึงมือผม "พวกเราต้องไปห้องที่อยู่ตรงสุดทางของห้องโถงนั่น" เขาพูด ตอนแรกผมคัดค้านเพราะว่าพ่อแม่ของผมห้ามไม่ให้ผมลุกออกจากเตียงโดยไม่ขออนุญาต จนกระทั่งนายปากกว้างขอร้องจะเล่นให้ได้ ผมจึงยอมเล่นกับเขา

ห้องดังกล่าวไม่มีเฟอร์นิเจอร์และวอลเปเอร์ มันมีเพียงหน้าต่างซึ่งอยู่ตรงข้ามกันกับประตู นายปากกว้างวิ่งไปที่หน้าต่างและผลักหน้าต่างออกอย่างแรง กวักมือเรียกให้ผมไปดูพื้นที่อยู่ด้านล่าง

เรากำลังเข้าสู่เรื่องที่สองเกี่ยวกับบ้าน แต่บ้านหลังนี้อยู่บนเขา จากมุมนี้นั่นผมจะตกสูงกว่าบ้านสองหลังที่ผมกล่าวไว้ตั้งแต่ต้น "เราจะเล่นเกมที่ชื่อว่า เกมแกล้งเหมือน กัน" นายปากกว้างอธิบาย "ข้าแกล้งเหมือนกับว่ามันมีเบาะนุ่มๆใหญ่ๆอยู่ด้านล่างหน้าต่างนี้ ถ้าข้ากระโดด ถ้าแกแกล้งเหมือนว่ามันมีเบาะจริงๆ นายก็จะกระเด้งกลับมาเหมือนกับขนนก ข้าอยากให้แกลองทำดู"

ตอนนั้นผมอายุยังแค่ห้าขวบแถมยังมีไข้ ความสงสัยมันพุ่งขึ้นมาหลังจากที่ผมก้มลงมองดูพื้นข้างล่าง แล้วถามนายปากกว้างไปว่า "มันสูงมากเลยนะครับ"

"นั่นแหละความสนุกของมันล่ะ ถ้ามันไม่สูงมันจะไปสนุกได้ยังไงกันเล่า แกก็แค่กระโดดลงไปเหมือนกับมีเบาะนุ่มๆรองรับ"

ผมลองนึกจินตนาการภาพตัวเองกระโดดลงไปผ่านอากาศเบาบาง แล้วเด้งกลับมาที่หน้าต่าง "ผมขอเป็นครั้งหน้าละกันครับ" ผมพูด "ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีจินตนาการมากพอที่จะโดดลงไปรึเปล่า ผมอาจจะเจ็บตัวก็ได้"

หน้าของนายปากกว้างเปลี่ยนกลายเป็นโกรธทันที แต่มันก็แค่ชั่วครู่หนึ่ง จากหน้าบึ่งกลายเป็นหน้าผิดหวัง "ถ้าแกพูดอย่างงั้นล่ะก็... " เขาพูด จากนั้นเขาก็ใช้เวลาทั้งวันอยู่ใต้เตียงของผม เหมือนกับหนู

เช้าวันต่อมา นายปากกว้างมาหาผมพร้อมกับถือกล่องใบเล็กในมือ "ข้าอยากจะสอนให้แกเล่นกลน่ะ" เขาพูด "ของพวกนี้ไว้ใช้สำหรับให้แกฝึก ก่อนที่ข้าจะสอนบทเรียนให้แกจริงๆ"

ผมมองไปที่กล่องใบนั้น มันเต็มไปด้วยมีด "พ่อแม่ต้องฆ่าผมแน่ๆเลย" ผมตะโกน หวาดกลัวที่นายปากกว้างนำมีดเข้ามาที่ห้องของผม เป็นสิ่งที่พ่อแม่ของผมไม่อนุญาตให้แตะต้อง "ผมจะต้องโดนตีแล้วก็ถูกกักบริเวณเป็นปีๆแน่"

นายปากกว้างขมวดคิ้ว "มันสนุกนะที่จะเล่นกลกับสิ่งนี้น่ะ ข้าอยากให้แกลองเล่นดู"

ผมผลักกล่องนั้นออกไป "ผมทำไม่ได้ ผมจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่ มีดมันไม่ปลอดภัยที่จะโยนไปกลางอากาศ"

นายปากกว้างขมวดคิ้วจนกลายเป็นหน้าบึ้ง เขาหยิบกล่องนั่นแล้วเลื่อนมันเข้าไปใต้เตียงของผม กล่องนั้นยังคงอยู่ตรงนั้นทั้งวันของผม ผมอยากรู้ว่าเขาอยู่ใต้ตัวผมมานานเท่าไหร่แล้ว

ผมเริ่มมีปัญหาการนอนหลับหลังจากที่นายปากกว้างมาปลุกผมให้ตื่นในตอนกลางคืน เขาพูดว่าเขาได้วางเบาะนุ่มๆของจริงไว้ใต้หน้าต่าง ใหญ่มากด้วย แต่มันใหญ่จนมองไม่เห็นในที่มืดๆ ผมก็มักจะตอบปฏิเสธแล้วกลับไปที่นอนของผม บางครั้งเค้าก็มาอยู่ข้างๆผมจนถึงเช้าตรู่ขอร้องให้ผมกระโดดให้ได้

ผมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนที่เล่นสนุกด้วยกันอีกแล้ว

แม่ของผมมาหาผมเช้าวันหนึ่งแล้วอนุญาตให้ผมเดินออกไปข้างนอกห้องได้แล้ว เธอคิดว่าอากาศบริสุทธิ์น่าจะดีสำหรับผม หลังจากที่ผมอยู่แต่ในห้องเป็นเวลานาน ผมดีใจมาก ผมรีบใส่รองเท้าวิ่งของผมแล้ววิ่งไปที่ระเบียงด้านหลัง เพื่อออกมารับแสงอาทิตย์

นายปากกว้างกำลังรอผมอยู่ "ข้ามีบางอย่างอยากจะให้แกดู "เขาพูด ผมคงจะต้องดูเพราะว่าเขาพูดว่า "มันปลอดภัยแน่ ฉันรับรอง"

ผมตามเขาไปตรงที่เริ่มเส้นทางเดินที่เดียร์เทรล ทั้งหมดที่เห็นมีแต่ป่าและต้นไม้ที่ไม่มีใบ "นี่เป็นเส้นทางที่สำคัญมาก" เขาอธิบาย "ข้ามีเพื่อนมากมายอายุใกล้เคียงกับแก เมื่อพวกเขาพร้อมแล้ว ข้าจะพาพวกเขาเดินไปที่เส้นทางแห่งนี้ แต่เจ้ายังไม่พร้อม แต่ซักวันนึง ข้าหวังว่าจะพาแกไปที่นั่น

ผมกลับไปที่บ้าน แล้วเริ่มสงสัยว่าที่ด้านหลังของเส้นทางเดินนั้นมันมีอะไรกันแน่

สองสัปดาห์หลังจากที่ผมพบกับนายปากกว้าง ของชิ้นสุดท้ายก็ถูกแพ็คแล้วส่งไปที่รถบรรทุกเคลื่อนย้าย ผมได้นั่งข้างในรถบรรทุก ข้างๆกับพ่อของผมกับการเดินทางระยะไกลไปที่เพนซิลเวเนีย ผมพิจารณาดูว่าควรจะบอกนายปากกว้างว่าผมจะต้องย้ายออกหรือไม่ แต่ผมยังอายุแค่ห้าขวบ ผมเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่นายปากกว้างทำนั้นอาจจะไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของผม อาจจะเป็นเพื่อตัวของเขาเอง ผมจึงเก็บเรื่องการเดินทางนี้เป็นความลับ

พ่อและผมเดินอยู่ที่รถบรรทุกตอนตี 4 เขากระโดดขึ้นรถเพื่อขับไปให้ถึงเพนซิลเวเนียก่อนเวลาเที่ยงของพรุ่งนี้ พร้อมกับมีเสบียง กาแฟแล้วเครื่องดื่มชูกำลังคอยเติมพลังให้กับตัวเอง ดูเหมือนว่าเค้าจะเร่งรีบขับรถไปมากกว่าที่จะขับรถสองวันแบบเอื่อยๆ

"เช้าเกินไปรึเปล่าสำหรับลูก ?" เขาถามผม

ผมพยักหน้าแล้วเอาหน้าไปแนบหน้าต่าง หวังที่จะนอนอีกซักหน่อยก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น พ่อเอามือมาแตะไหล่ของผม "เราจะย้ายไปที่นี่ครั้งสุดท้ายแล้ว ลูกรัก พ่อสัญญา พ่อรู้ว่ามันลำบากสำหรับลูก แต่ถ้าพ่อได้งานดีๆเมื่อไหร่ เราจะปักหลักไม่ย้ายไปที่ไหนอีกแล้ว แล้วลูกจะได้มีเพื่อนที่นั่นจริงๆ"

ผมเปิดตาขึ้นมาทันทีหลังจากมองกลับไปที่บ้านหลังที่ผมเคยอยู่ ผมเห็นเงาของนายปากกว้างอยู่ที่หน้าต่างของห้องนอนของผม เขายืนนิ่งไม่เคลื่อนที่ จนกระทั่งรถบรรทุกกำลังจะเลี้ยวไปที่ถนนหลัก เขาก็โบกมือลาก่อนให้กับผม มีมีดสเต็กอยู่ในมือ ผมไม่ได้โบกมือลาเขากลับ

ปีต่อมา ผมกลับไปที่นิวไวน์ยาร์ดที่ผมเจอนายปากกว้าง พื้นที่ที่บ้านเราเคยอยู่ตอนนี้กลายเป็นที่ว่างเปล่า บ้านนั่นถูกไฟไหม้สองสามปีหลังจากที่ครอบครัวของเราย้ายออกมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของผม ผมได้เดินตามทางไปที่เส้นทางเดียร์เทรล ที่นายปากกว้างเคยบอกว่าจะพาผมไป ลึกๆแล้วผมอยากจะเห็นนายปากกว้างกระโดดออกมาจากพุ่มไม้แล้วมาหลอกให้ผมตกใจ แต่ผมรู้สึกว่านายปากกว้างได้จากไปแล้ว

เส้นทางนั้นไปจบอยู่ตรงสุสานนิวไวน์ยาร์ด

ผมสังเหตเห็นว่าสุสานส่วนใหญ่นั้นเป็นของเด็กอายุประมาณ 4-6 ขวบ





8 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดครับ เป็น Creepy ที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเหมือนเรื่องจริงที่สุด 555555 เฟอร์บี้เป็นสัตว์กินเลือดสินะ

    ตอบลบ
  2. หมายความว่านายปากกว้างจะฆ่าเด็กคนนั้นใช่หรือเปล่าหรือว่ายังใงกันเเน่ ???????????????????????

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ15 พฤษภาคม 2558 เวลา 08:54

    อ่านแล้ว รู้สึกลุ้นอยู่นะครับ ดีแล้วที่เด็กคนนี้ไม่ทำตามไอปากกว้างนี่ครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ31 พฤษภาคม 2558 เวลา 04:26

    ตอนแรกนายปากกว้างคงตั้งใจจะให้เด็กตายไปเป็นเพื่อน
    แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไป ...ถือว่าานายปากกว้างยังคงใจดีอยู่ที่ไม่ฆ่าเด็กเลย

    ตอบลบ
  5. สนุกกกกกกกกกกกกกก

    ตอบลบ
  6. ครับ.....
    ปีต่อมา ผมกลับไป บ้าน .... บ้านนั้นถูกไฟไหม้มาสองสามปี

    ไทม์ไลน์มันซ้อนๆกันเนอะ แต่ก็ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  7. เรื่องนี้มันให้ความรู้สึกเรียลดีจริงๆ
    แต่ก็รู้สึกเหมือนอ่านนิยายไปด้วยเหมือนกัน

    ตอบลบ