ในที่สุดผมก็ได้กลับบ้านหลังจากที่ต้องทำงานจนดึก,สุดท้ายผมก็ทำงานที่เจ้านายของผมสั่งผมจนเสร็จ มันเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะผมมีวันที่ดีอยู่ข้างหน้าของผม หนึ่งในสิ่งทีทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดคือการที่จะได้เห็นลูกชายของผม ในที่สุดผมก็ชนะในสงคราม สิทธิการดูแลลูกกับอดีตภรรยาของผม ดังนั้นตอนนี้ผมจะได้เจอเขาแล้ว ผมเตรียมห้องนอนเก่าของผมให้เขา แม้ว่ามันจะดูเรียบๆเพราะเป็นสีขาวทั้งหมด ผมคิดว่าเราจะมีเวลาว่างเพื่อที่จะทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เขาต้องการ ผมเดินขึ้นบันได และเมื่อเขาได้ยินว่าผมมาแล้วเขาเรียกผมเข้าไปในห้องของเขาอย่างรวดเร็ว
"พ่อฮะ ผมนอนไม่หลับ มันมีสัตว์ประหลาดตรงหน้าต่าง! "
สัตว์ประหลาด หึ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็ก
"โอ้ ไม่ต้องเป็นห่วง มันเป็นเพียงแค่กิ่งไม้ที่พลิ่วไปตามลม เห็นไหม"
ผมชี้ให้เขาเห็นถึงกิ่งไม้เคาะกับหน้าต่าง เขาเชื่อใจผมพอที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองลง ผมจูบราตรีสวัสเขา ในที่สุดเวลาสำหรับการนอนหลับ ตอนนี้สายตาของผมเริ่มเบลอแล้ว ผมเดินผ่านห้องโถงและทรุดตัวลงเข้าไปในห้องนอนของผม ผมยุ่งเกินที่จะจัดการกับสัตว์ประหลาด ผมจะไปโรงเรียนกับเขาในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่เขาจะได้รับการลงทะเบียนในอำเภอของเรา ผมต้องซื้อชุดนักเรียนให้เขา, ผมไม่สามราถคิดอะไรต่อได ผมได้ยินเขาเรียกผมอีกครั้งให้ตายสิ ผมรักเด็กและทุกสื่งแต่ผมต้องนอนหลับบาง
"พ่อฮะ สัตว์ประหลาดกลับมาอีกแล้ว " เขาร้อง
ผมมองไปที่หน้าต่าง ไม่ ไม่มีอะไร มีแต่กิ่งของต้นไม้ ผมเดินไปแล้วพิสูจน์ให้เขาเห็นผมเปิดหน้าต่างและหันกลับไปหาเขา
"เห็นไหมก็ไม่มีอะไรมีแต่ต้นไม้ พ่อบอกลูกแล้วตอนนี้ลูกควรจะไปนอนได้แล้วลูกต้องไปโรงเรียนในตอนเช้า . "
ผมเห็นเขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ตอนนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ และอีกครั้งผมทิ้งตัวลงสัมพัสความสบายของเตียงของผม จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงร้องซึ่ง ตอนนี้ผมก็หมดความอดทนแล้ว
"ก็ได้พ่อจะนอนบนเตียงกับลูก ถ้าลูกเห็นสัตว์ประหลาดอะไร ก็แค่กอดพ่อให้แน่นก็พอ "
ผมเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา ดึงผ้าห่มสีแดงของเขากลับมาและนอนลงข้างเขา
ในขณะที่ผมกำลังจะนอนและกำลังปิดตา ตัวผมเริ่มรู้สึกสงสัย ไม่ใช่ว่าผมซื้อผ้าปูเตียงสีขาวมางั้นเหรอ ผมมองไปที่แผลที่คอของลูกชายของผม และตระหนักถึงความผิดพลาดของผม นั่นคือเสียงของสัตว์ประหลาดที่ผมได้ยิน, มันไม่ได้เป็นเสียงกิ่งไม้แตะที่กระจกมันเป็นเสียงฝีเท้าจากหน้าต่างที่เปิด ผมไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่หัวเราะ
.
.
'ทำไมผมถึงนึกไม่ออกนะว่าผมไม่มีต้นไม้ซักต้นอยู่ในสวนของผม'
วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557
Kite-Flying
"ดูมันไว้ให้ดี ลูกรัก"
พ่อบอกลูกสาวตัวน้อยที่รักของเขาด้วยความสุข
ชี้ไปที่ว่าวที่ลอยสูงเหนือชายหาดที่เงียบสงบ.
"ที่นี่ลูกลองดูอีกครั้งนะ." เด็กน้อยยืนอยู่ด้วยความขี้อาย,ขี้กลัวและความเศร้าใจขณะที่เธอจ้องมองท้องฟ้าสีจางๆและเล่นว่าวต่อไป ว่าวพิเศษตัวนี้มันมักทำให้เธอนึกถึงแม่ที่หายตัวไปของเธอ. ทั้งแม่และก็ว่าว ต่างมีบางสิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองมีรอยสักที่มีสีสันแบบเดียวกันเลย
พ่อบอกลูกสาวตัวน้อยที่รักของเขาด้วยความสุข
ชี้ไปที่ว่าวที่ลอยสูงเหนือชายหาดที่เงียบสงบ.
"ที่นี่ลูกลองดูอีกครั้งนะ." เด็กน้อยยืนอยู่ด้วยความขี้อาย,ขี้กลัวและความเศร้าใจขณะที่เธอจ้องมองท้องฟ้าสีจางๆและเล่นว่าวต่อไป ว่าวพิเศษตัวนี้มันมักทำให้เธอนึกถึงแม่ที่หายตัวไปของเธอ. ทั้งแม่และก็ว่าว ต่างมีบางสิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองมีรอยสักที่มีสีสันแบบเดียวกันเลย
The Doll
ผมให้ตุ๊กตาเป็นของขวัญวันเกิดกับเธอ
เธอชอบมันในตอนแรกเธอบอกผมว่ามันสวยมาก.ผมของตุ๊กตามันนุ่มมากและชุดของมันก็น่ารักมาก.เธอไม่ยอมละสายตาไปจากมันเลยเป็นวันๆ.ช่วงกลางวันนั้นเธอวางมันลงบนโต๊ะเธอจะได้มองเห็นมันตอนที่เธอกำลังทำความสะอาด.ช่วงกลางคืนมันนั่งอยู่ข้างๆเตียงของเรา.มองดูพวกเราหลับด้วยตาสีฟ้าดวงใหญ่ที่ขยับไม่ได้ของมัน. แต่ควมรักที่มีต่อตุ๊กตาของภรรยาผมก็เริ่มเปลี่ยนไป.ผมเริ่มรู้สึกได้ว่าบางอย่างทำให้ผมรู้สึกกังวล,แน่นอนผมถามเธอ ตอนแรกเธอไม่บอกผม เธอพูดแค่ว่าเธองี่เง่าไปเอง.แต่หลังจากวันนั้นเธอเริ่มปิดกั้นตัวเองกับผมมากขึ้นเรื่อยๆในที่สุดผมก็ทนไม่ได้.ผมบอกเธอว่าเธอควรจะบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ไม่งั้นผมจะให้เธอไปหาหมอ. ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไว้เธอร้องไห้และบอกผมทุกอย่าง.เธอบอกว่ามันคือตุ๊กตาที่ทำให้เธอกลัว.เธอบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังมองดูเธออยู่ตลอดเวลา.บางครั้งเธอรู้สึกว่ามันขยับได้.มันทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลผมจึงลองไปดูเจ้าตุ๊กตา.มันนั่งอย่างไร้ความรู้สึกที่โต๊ะเล็กๆในห้องนอน.ดวงตาสีฟ้าดวงใหญ่ของมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป.ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย. แน่นอนมันขยับไม่ได้อยู่แล้ว.มันไม่สามารถทำได้.ผมกลับหลังหันทันใดนั้นผมเห็นบางอย่างขยับเล็กน้อยตรงหางตาของผม.ผมหันกลับไปหาตุ๊กตา ยกมันขึ้นมาจากโต๊ะ ผมเอาหน้าของผมเข้าไปใกล้ตุ๊กตาจ้องมองไปในดวงตาของมัน.มีบางอย่างขยับ.ผมรวบรวมสมาธิแล้วมองดูมันใกล้กว่าเดิม ใช่มันมีบางอย่างขยับจริงๆแต่ไม่ได้มาจากดวงตาของมัน มันมาจากด้านในดวงตาก่อนที่ผมปรับตัวได้ลูกตาของตุ๊กตาหลุดออกมาจากเบ้าของมันและมีหนอนอย่างน้อยสิบตัวทะลักออกมา ผมทิ้งตุ๊กตาลงด้วยความตกใจ ผมถอยกหลังไปตามสัญชาตญาณ ภรรยาของผมร้องตะโกนจากอีกห้อง ถามผมว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมตะโกนบอกเธอว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง.ผมหยิบตุ๊กตาตัวนั้นอีกครั้ง ผมใช้ทิชชู่เช็ดหนอนออกไป ซึ่งข้างในตุ๊กตาผมมองเห็นพวกมันมีมากกว่าขึ้นเรื่อยๆ อยู่ตามผิวหนังที่อยู่ชั้นในและพลาสติกอยู่หุ้มนอก.
ก็นะมันพังซะแล้ว.ผมหวังว่ามันจะอยู่ได้นานกว่านี้.ผมจะต้องหาตุ๊กตาตัวใหม่ให้กับเธอ บางที่ตอนแรกทำให้มันมีชีวิตก่อน ถ้าทำอย่างนั้นมันต้องอยู่ได้นานขึ้นแน่นอน.ขณะที่ผมกำลังโยนตุ๊กตาตัวเก่าทิ้งผมก็คิดถึงเรื่องที่ภรรยาของผมชอบพูดว่าเธอชอบผมบลอนด์เป็นลอนหนาของเคที่ตัวน้อยที่อยู่ชั้นล่างมากขนาดไหน
'รู้สึกว่าเธอน่าจะมีตาสีฟ้าเหมือนกันนะ'
เธอชอบมันในตอนแรกเธอบอกผมว่ามันสวยมาก.ผมของตุ๊กตามันนุ่มมากและชุดของมันก็น่ารักมาก.เธอไม่ยอมละสายตาไปจากมันเลยเป็นวันๆ.ช่วงกลางวันนั้นเธอวางมันลงบนโต๊ะเธอจะได้มองเห็นมันตอนที่เธอกำลังทำความสะอาด.ช่วงกลางคืนมันนั่งอยู่ข้างๆเตียงของเรา.มองดูพวกเราหลับด้วยตาสีฟ้าดวงใหญ่ที่ขยับไม่ได้ของมัน. แต่ควมรักที่มีต่อตุ๊กตาของภรรยาผมก็เริ่มเปลี่ยนไป.ผมเริ่มรู้สึกได้ว่าบางอย่างทำให้ผมรู้สึกกังวล,แน่นอนผมถามเธอ ตอนแรกเธอไม่บอกผม เธอพูดแค่ว่าเธองี่เง่าไปเอง.แต่หลังจากวันนั้นเธอเริ่มปิดกั้นตัวเองกับผมมากขึ้นเรื่อยๆในที่สุดผมก็ทนไม่ได้.ผมบอกเธอว่าเธอควรจะบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ไม่งั้นผมจะให้เธอไปหาหมอ. ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไว้เธอร้องไห้และบอกผมทุกอย่าง.เธอบอกว่ามันคือตุ๊กตาที่ทำให้เธอกลัว.เธอบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังมองดูเธออยู่ตลอดเวลา.บางครั้งเธอรู้สึกว่ามันขยับได้.มันทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลผมจึงลองไปดูเจ้าตุ๊กตา.มันนั่งอย่างไร้ความรู้สึกที่โต๊ะเล็กๆในห้องนอน.ดวงตาสีฟ้าดวงใหญ่ของมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป.ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย. แน่นอนมันขยับไม่ได้อยู่แล้ว.มันไม่สามารถทำได้.ผมกลับหลังหันทันใดนั้นผมเห็นบางอย่างขยับเล็กน้อยตรงหางตาของผม.ผมหันกลับไปหาตุ๊กตา ยกมันขึ้นมาจากโต๊ะ ผมเอาหน้าของผมเข้าไปใกล้ตุ๊กตาจ้องมองไปในดวงตาของมัน.มีบางอย่างขยับ.ผมรวบรวมสมาธิแล้วมองดูมันใกล้กว่าเดิม ใช่มันมีบางอย่างขยับจริงๆแต่ไม่ได้มาจากดวงตาของมัน มันมาจากด้านในดวงตาก่อนที่ผมปรับตัวได้ลูกตาของตุ๊กตาหลุดออกมาจากเบ้าของมันและมีหนอนอย่างน้อยสิบตัวทะลักออกมา ผมทิ้งตุ๊กตาลงด้วยความตกใจ ผมถอยกหลังไปตามสัญชาตญาณ ภรรยาของผมร้องตะโกนจากอีกห้อง ถามผมว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมตะโกนบอกเธอว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง.ผมหยิบตุ๊กตาตัวนั้นอีกครั้ง ผมใช้ทิชชู่เช็ดหนอนออกไป ซึ่งข้างในตุ๊กตาผมมองเห็นพวกมันมีมากกว่าขึ้นเรื่อยๆ อยู่ตามผิวหนังที่อยู่ชั้นในและพลาสติกอยู่หุ้มนอก.
ก็นะมันพังซะแล้ว.ผมหวังว่ามันจะอยู่ได้นานกว่านี้.ผมจะต้องหาตุ๊กตาตัวใหม่ให้กับเธอ บางที่ตอนแรกทำให้มันมีชีวิตก่อน ถ้าทำอย่างนั้นมันต้องอยู่ได้นานขึ้นแน่นอน.ขณะที่ผมกำลังโยนตุ๊กตาตัวเก่าทิ้งผมก็คิดถึงเรื่องที่ภรรยาของผมชอบพูดว่าเธอชอบผมบลอนด์เป็นลอนหนาของเคที่ตัวน้อยที่อยู่ชั้นล่างมากขนาดไหน
'รู้สึกว่าเธอน่าจะมีตาสีฟ้าเหมือนกันนะ'
At the Broadway Centrum
คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังขับรถจากพื้นที่ที่มีชื่อในเมืองหลวงของประเทศ จู่ๆก็พบว่ารถของพวกเขานั้นพัง ฝ่ายแฟนหนุ่มจึงได้ออกจากรถและพยายามที่จะซ่อม แต่ก็เปล่าประโยชน์ เขาตระหนักได้ถึงบางอย่างที่เกี่ยวกับปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างประมาณหนึ่งไมล์ด้านหลังพวกเขา ก่อนที่เขาจะออกไปขอความช่วยเหลือเขาเตือนแฟนสาวของเขาว่าให้ล็อคประตูรถตลอด ชั่วโมงผ่านไป มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ของเธอและล้อมมัน ซึ่งมันทำให้เธอกลัว เธอรีบบีบแตรรถทันที่ที่ชายคนนั้นเริ่มที่จะกระแทกกระจกหน้ารถ สุดท้ายชายคนนั้นก็ยอมจากไป แต่เพียงแค่อีกยี่สิบนาทีต่อมาเขาก็เดินกลับมา เขาเดินผ่านไปที่หน้าต่างรถและยกบางสิ่งที่อยู่ในมือข้างขวาของเขาขึ้น ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เด็กสาวช็อก สิ่งนั้นมันก็คือหัวของแฟนของเธอ แต่สิ่งที่เห็นหลังจากนั้นมันยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวมากยิ่งกว่าเดิม สิ่งที่ชายคนนั้นยกขึ้นอยู่ในมือซ้ายของเขา มันก็คือกุญแจรถของแฟนของเธอ
วันถัดมา ตำรวจพบเธอนั่งอยู่ในรถของเธอคนเดียว กรีดร้องและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ถูกทำให้เป็นบ้าเสียสติไปด้วยความน่าสยดสยองปริศนาบางอย่าง
วันถัดมา ตำรวจพบเธอนั่งอยู่ในรถของเธอคนเดียว กรีดร้องและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ถูกทำให้เป็นบ้าเสียสติไปด้วยความน่าสยดสยองปริศนาบางอย่าง
Hide n Seeks
พ่อและลูกชายกำลังเล่นเกมซ่อนแอบกัน และเวลาที่พ่อไม่สามารถหาสถานที่ที่่ลูกชายซ่อนได้ ลูกจะต้องตบมือ พ่อไปหาดูที่ครัว,ที่ห้องโถง,ที่ห้องนอนต่างๆ...แต่เขาก็ยังคงหาลูกของเขาไม่เจอ เขาได้ยินเสียงตบมือดังมาจากชั้นบน เขาจึงค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปข้างบน เมื่อเขาเดินมาถึงสุดบันไดแล้ว พ่อก็ได้ยินเสียงตบมืออีกครั้ง มันดังมาจากห้องนอนใหญ่ พ่อจึงเดินไปที่ห้องนั้น และเขาก็ได้ยินเสียงตบมือดังมาจากตู้เสื้อผ้า เขาค่อยๆย่องไปเกือบจะถึงประตูและยินเสียงตบมืออีกครั้งมาจากตู้เสื้อผ้าที่อยู่หน้าเขา เขาจึงรีบเปิดตู้เสื้อผ้าทันที แต่ก็ไม่พบอะไรอยู่ในนั้น. ลูกชายของเขาวิ่งผ่านห้องโถงพร้อมตบมือ "ผมชนะแล้ว พ่อฮะ ผมซ่อนอยู่ในห้องน้ำชั้นหนึ่งฮะ"
Candy
"แม่ค่ะ.." เด็กสาวตัวน้อยกล่าว ในขณะที่เธอขยี้ตาของเธอ และยืนเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของแม่ของเธอ
"แม่ค่ะ กระต่ายอีสเตอร์มันกำลังกินลูกอมของหนู" เธอกล่าว
"ไร้สาระน่ะ ลูกรัก" แม่ของเธอกล่าว
"กระต่ายอีสเตอร์มันจะให้ลูกอม ไม่ใช่กินลูกอม "
เธอค่อยๆจับผ้าห่มของเธอ แล้วพูดต่อ พูดกับหมอนส่วนหนึ่ง
พูดกับลูกของเธออีกส่วนหนึ่ง "กลับไปนอนได้แล้วลูกรัก"
"แต่แม่ค่ะ"เด็กน้อยกล่าว"กระต่ายอีสเตอร์มันกำลังกินลูกอม!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้
แม่ของเธอลุกขึ้นนั่งและเปิดอ้อมแขนของเธอ "ลูกรัก แม่บอกลูกแล้วนี่นา. กระต่ายอีสเตอร์ไม่กินลูกอม แต่เขาจะแจกมันให้กับเด็กเล็ก ๆ . นอกจากนั้่นตอนนี้ก็ยังไม่ถึงอีสเตอร์ด้วย. กลับไปนอนซะนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดี
"ตกลงค่ะ แม่" เด็กน้อยถอนหายใจในขณะที่เธอกำลังจะหันเดินออกไปจากห้องนอน
แม่ของเธอยิ้มและคิด "เด็กน้อยเพ้อฝันและเพื่อนในจินตนาการที่มีชีวิตของเธอ" แล้วกลับไปนอนต่อตามความตั้งใจของเธอ
ข้างนอกห้องโถง, เด็กน้อยยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง
จ้องมองกระต่ายอีสเตอร์กินลูกอมของเธอ แล้วเธอก็ถอนหายใจ
"แม่บอกว่าฉันควรจะกลับไปที่เตียง."
กระต่ายอีสเตอร์ยิ้ม "มันเป็นความคิดที่ดี เด็กน้อย. กลับหลังหันไป แล้วไม่ต้องมองย้อนกลับมาอีก."
เขาดีดจี้โลหะส่งให้กับเธอ เธอหยิบมันขึ้นมาและร้องไห้ในขณะที่เธอมองเห็นว่าสิ่งนั้นมันก็คือแผ่นป้ายชื่อสุนัขที่พิมพ์ชื่อไว้ว่า
"ลูกอม"
"แม่ค่ะ กระต่ายอีสเตอร์มันกำลังกินลูกอมของหนู" เธอกล่าว
"ไร้สาระน่ะ ลูกรัก" แม่ของเธอกล่าว
"กระต่ายอีสเตอร์มันจะให้ลูกอม ไม่ใช่กินลูกอม "
เธอค่อยๆจับผ้าห่มของเธอ แล้วพูดต่อ พูดกับหมอนส่วนหนึ่ง
พูดกับลูกของเธออีกส่วนหนึ่ง "กลับไปนอนได้แล้วลูกรัก"
"แต่แม่ค่ะ"เด็กน้อยกล่าว"กระต่ายอีสเตอร์มันกำลังกินลูกอม!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้
แม่ของเธอลุกขึ้นนั่งและเปิดอ้อมแขนของเธอ "ลูกรัก แม่บอกลูกแล้วนี่นา. กระต่ายอีสเตอร์ไม่กินลูกอม แต่เขาจะแจกมันให้กับเด็กเล็ก ๆ . นอกจากนั้่นตอนนี้ก็ยังไม่ถึงอีสเตอร์ด้วย. กลับไปนอนซะนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดี
"ตกลงค่ะ แม่" เด็กน้อยถอนหายใจในขณะที่เธอกำลังจะหันเดินออกไปจากห้องนอน
แม่ของเธอยิ้มและคิด "เด็กน้อยเพ้อฝันและเพื่อนในจินตนาการที่มีชีวิตของเธอ" แล้วกลับไปนอนต่อตามความตั้งใจของเธอ
ข้างนอกห้องโถง, เด็กน้อยยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง
จ้องมองกระต่ายอีสเตอร์กินลูกอมของเธอ แล้วเธอก็ถอนหายใจ
"แม่บอกว่าฉันควรจะกลับไปที่เตียง."
กระต่ายอีสเตอร์ยิ้ม "มันเป็นความคิดที่ดี เด็กน้อย. กลับหลังหันไป แล้วไม่ต้องมองย้อนกลับมาอีก."
เขาดีดจี้โลหะส่งให้กับเธอ เธอหยิบมันขึ้นมาและร้องไห้ในขณะที่เธอมองเห็นว่าสิ่งนั้นมันก็คือแผ่นป้ายชื่อสุนัขที่พิมพ์ชื่อไว้ว่า
"ลูกอม"
Legs
คู่แต่งงานใหม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ ช่วงสองสามเดือนแรกของการย้ายเข้ามาพักของพวกเขาก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร เมื่อเวลาผ่าน ภรรยาสังเกตเห็นว่าสามีของเธอกลับบ้านมาช้ากว่าปกติมันทำให้เธอรู้สึกสงสัยเขา คืนหนึ่งภรรยาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงฝีเท้าหนักบนพรมของพวกเขา. เธอรู้ว่ามันเป็นสามีของเธอเธอจึงตัดสินใจที่จะทำเป็นไม่สนใจโดยการแกล้งทำเป็นหลับ เธอรู้สึกได้ว่าเขาล้มตัวลงนอนข้างเธอและเขาวางแขนของเขารอบคอของเธอซึ่งเธอรู้สึกว่ามันหนักกว่าปกติ เธอคิดว่ามันพอแล้วเธอจึงยกแขนของเขาขึ้นและเห็น ...
ขาของม้า
ขาของม้า
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557
Cookie Monster
ในปี 1980 มีรายงานว่าเด็กหลายสิบคนฝันร้ายหลังจากเข้านอนพร้อมกับตุ๊กตา Cookie Monster สิ่งน่า
กลัวไม่ใช่การที่เด็กฝันร้าย แต่เป็นการที่เด็กทุกคนฝันเรื่องเดียวกัน ในฝัน พวกเขาจะตื่นขึ้นกลางดึก รอบตัวมืดสนิท และจะมองเห็นร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ในเงามืด จับจ้องมาที่พวกเขา เหตุการณ์นี้พบน้อยลงเรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีรายงานว่าเด็กที่มีตุ๊กตา Elmo กำลังพบกับฝันร้ายแบบเดียวกัน
กลัวไม่ใช่การที่เด็กฝันร้าย แต่เป็นการที่เด็กทุกคนฝันเรื่องเดียวกัน ในฝัน พวกเขาจะตื่นขึ้นกลางดึก รอบตัวมืดสนิท และจะมองเห็นร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ในเงามืด จับจ้องมาที่พวกเขา เหตุการณ์นี้พบน้อยลงเรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีรายงานว่าเด็กที่มีตุ๊กตา Elmo กำลังพบกับฝันร้ายแบบเดียวกัน
Barbie.avi
สวัสดี สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครซักคนฟัง
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นที่ปาร์ตี้ของเพื่อนผม เขาเป็นจิตรกร และได้เช่าหอพักใกล้กับย่านอุตสาหกรรมของเมือง ถ้าคุณจินตนาการถึงเมืองดีทรอยต์ในยุค 1920s ได้ละก็พื้นที่แถวๆหอพักเพื่อนของผมก็มีสภาพคล้ายๆกับแบบนั้นแหละ มีโรงงานเก่าซึ่งอยู่มานานแล้วตั้งอยู่มากมาย
ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่นั้นถูกทิ้งร้างไป..
แล้วตัวผมก็ปาร์ตี้หนักไปหน่อยแล้วไปล้มฟุบที่เตียงนอนของหอพักนั้นเอง ชั้นตื่นขึ้นมาประมาณตี 4 พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแต่ผมก็ยังสามารถทำอะไรได้ในไฟสลัวๆอย่างงี้ ชั้นไปเข้าห้องน้ำ ค่อยๆเดินย่องเท้าไปไม่ให้ไปโดนคนที่เมาหลับอยู่ที่พื้น หลังจากที่ผมปัสสาวะเสร็จผมก็มองไปที่หน้าต่างห้องน้ำ ชั้นก็ได้เห็นทัศนียภาพของเมืองที่ถูกทิ้งร้าง
ผมจำได้ว่าชั้นชอบสถานที่แบบนี้ขนาดไหน มันทั้งมืด ไร้ร่องรอยของการมีชีวิต และดูเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด
ผมกลับไปที่นอนแล้วพยายามจะหลับ หลังจาก 45 ที่ชั้นเอาแต่จ้องมองเพดาน ผมตัดสินใจแล้วว่าไม่อยากอยู่ที่นี้ต่อไปผมจึงรวบรวมความกล้าแล้วโทรไปปลุ่กแฟนสาวของผมให้ขับรถมารับผม ผมเดินไปมาที่ถนนอันว่างเปล่ารอแฟนของผมมารับ ถือว่าโชคดีจริงๆที่มีแฟนดีอย่างงี้ เธอบอกว่าเธอจะมารับผมแน่นอน และเธอบอกผมว่าเธอจะไปถึงภายในครึ่งชั่วโมงแล้วจะโทรเรียกผมเมื่อเธอไปถึงแล้ว เวลาล่วงเกินมาสิบนาทีแล้วโทรศัพทย์ของผมก็ยังไม่มีใครโทรเข้ามา ผมจึงนั่งรอตรงหน้าต่างแล้วสลับกับมองหารถของแฟนผม ผมนั่งไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าหนังตาของผมเริ่มหนักขึ้นจนผมหลับไปในที่สุด
เสียงปะทะดังขึ้นปลุกให้ผมตื่น มันไม่ถึงกับดังมาก แต่ดังพอที่จะปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาได้ ผมมองไปข้างนอกหน้าต่างแล้วมองหาจุดเกิดเหตุ แต่ผมก็ไม่เห็นอะไรเลย เลยถนนใกล้กับหอพักเพื่อนผม ใกล้ๆภูเขาลูกนึงมีถุงขยะอยู่ หนึ่งในนั้นมีถุงนึงที่มีคอมพิวเตอร์แล้วหน้าจอคอมหล่นลงไปที่พื้น แต่ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้มันยังไม่มีถุงขยะนี้
เมื่อแฟนสาวของผมมาถึง ผมรีบวิ่งไปที่ด้านล่างแล้วทักทายเธอ ในตอนที่ผมกำลังจะขึ้นรถนั่นเอง ผมจำได้ว่าเพื่อนของผมทำแหล่งจ่ายไฟเสีย ผมจึงเดินไปที่กองขยะนั้นแล้วหาว่ามีของอะไรที่ยังไม่ชำรุดมาก แล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้ จอคอมพิวเตอร์ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ แต่เคสคอมนั้นไม่เสียหายอะไรมากมายนัก ผมจึงนำมันไปใส่ที่กระโปรงท้ายรถ แล้วขับออกจากสถานที่นี้
สัปดาห์ผ่านไป ผมลืมไปซะสนิทว่าผมได้หยิบเคสคอมมาจนแฟนสาวของผมเตือนว่ามันอยู่ท้ายรถ ผมจึงหยิบมันออกมา ในคืนที่ผมนำมันมาที่บ้าน ผมจึงลองเปิดเคสดู แล้วมันยังใช้งานได้! มันเป็น Windows XP แล้วดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรเลย ผมจึงลองค้นหาคำว่า "tits" หรือ "pussy" เผื่อจะเจอความลับอะไรที่ซ่อนอยู่ที่เคสเครื่องนีที่เจ้าของเครื่องเก่าลืมลบไป ผลการค้นหาบอกว่า ไม่มีผลลัพธ์ รวมไปถึงค้นหารูปภาพด้วย ผมจึงลองค้นหาคลิปดู แล้วจู่ๆก็มีไฟล์หนึ่งขึ้นมา มันมีนามสกุล .avi ข้างในโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า barbie
ผมจึงดูคลิปวีดีโอนั้น เรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อก็ได้เกิดขึ้น
หนังมีความยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง ดูเหมือนเป็นวีดีโอคุณภาพต่ำ ในวีดีโอมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และคุยอยู่กับฉากหลังสีขาว ผมจึงกด Skip ไปเรื่อยๆแต่ดูเหมือนว่าในคลิปจะไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว ผมจึงตัดสินใจนั่งดูตั้งแต่ตอนแรกแล้วฟังว่าผู้หญิงในคลิปนั้นพูดเกี่ยวกับอะไร สิบห้าวินาทีแรกเสียงในคลิปนั้นฟังไม่รู้เรื่อง เสียงของเธอถูกเสียงพื้นหลังบดบังจนหมด ผมจึงไม่สามารถเข้าใจเรื่องที่เธอพูดถึงได้
ผมจึงดัดแปลงเสียงในคลิปวีดีโอ ซึ่งมันก็ช่วยได้นิดหน่อย แต่ผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูดอยู่ดี ผมจึงเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นของเธอแทน ถ้าไม่สามารถฟังเสียงได้ ผมจึงดูปากแล้วภาษากายของเธอแทน ดูเหมือนว่าเธอจะถามคำถามอะไรซักอย่าง เพราะว่าบางครั้งเธอหยุดเพื่อที่จะฟัง จากนั้นเธอก็พูดต่อ
ประมาณ 15 นาทีของวีดีโอ หน้าของผู้หญิงคนนั้นเริ่มแดงแล้วบิดเบี้ยวอาจเป็นเพราะคำถามที่ถามทำให้เธอรำคาญใจ แต่เธอก็ยังตอบคำถามนั้นอยู่ดี ต่อจากนั้นเธอเริ่มจะร้องไห้ เธอร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน ผมอ่านริมฝีปากของเธอบางคำออก ผมเห็นเธอพูดว่า "ผิวหนัง" เธอพูดซ้ำแต่คำนี้ตลอดคลิปวีดีโอนี้ ดูเหมือนว่าเธอไม่ประทับใจกับผิวหนังของเธอ
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันแน่นอยู่ในอกของผม แต่เวลาล่วงเลยมานานแล้วแล่ะผมเลั่าต่อไม่ไหว ผมจะมาเล่าต่อพรุ่งนี้ละกัน
ผมยังคงดูวีดีโอนี้ต่อไป สี่สิบนาทีผ่านมาแล้วเธอยังคงเอาแต่ร้องไห้ เธอไม่แม้แต่มองมาที่กล้องเลย เธอหยุดพูดตั้งแต่เธอร้องไห้ แล้วที่เหลือของวีดีโอนี้ก็มีแต่ภาพของเธอที่ร้องไห้แล้วกัมหัวของเธอลง มันเริ่มแปลกๆเมื่อเธอหยุดขยับ ต่อจากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
ผมตะลึงอย่างมากในตอนนั้น
ผมกลับไปดูวีดีโอนั้นวนไปวนมาอยู่หลายครั้งในคืนนั้น พยายามมองหาสิ่งผิดปกติของผู้หญิงคนนั้น ที่อาจจะทำให้ผมรู้ว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมไม่พอใจอย่างมาก ผมอยากจะรู้เรื่องราวมากกว่านี้อีก จนผมสังเกตเห็นว่า มีเวลาเหลืออีก 10 นาทีของวีดีโอหลังจากที่หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำ สองนาทีในนั้นก็เป็นภาพวีดีโอ
ภาพในวีดีโอนั้นสั่นๆไปมา ดูแทบไม่รู้เรื่อง ปรากฏให้เห็นขาเดินไปตามทางรางรถไป ผมเดาว่าตากล้องคงจะลืมปิดกล้องแล้วถือกล้องนั้นเดินต่อไปละมั้ง บุคคลในวีดีโอนั้นเดินไปตามทางรถไฟประมาณหกนาที แล้วก็เดินไปที่ป่า แล้วทางเดินดูเหมือนทำมาจากไม้อัด บุคคลในวีดีโอยังคงเดินไปตามทางไม้อัดเรื่อยๆจนวีดีโอจบลง
ตอนนี้ใจของผมเต้นรัว ด้วยความตื่นเต้นเนื่องจากผมเคยเห็นทางรถไฟประมาณสองสามไมล์ไกลออกไป ที่ดูเหมือนกับที่ผมเห็นในวีดีโอนี้ ผมจะต้องไปตรวจสอบดูให้ได้
ผมโทรไปเรียกเพื่อนของผม เอซร่า เขาเป็นคนที่แข็งแรงพอดู ผมจึงให้เขาเข้าร่วมการผจญภัยไปกับผมด้วย ผมไม่ได้ฝืนใจตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่าผมจะต้องรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆของเพื่อนผมอาจจะปกป้องผมได้
เช้าวันต่อมาในวันเสาร์ที่แสงแดดจ้า ผมนำไฟฉายไปด้วย พร้อมกับมีดพกยาวเจ็ดนิ้วซึ่งเคลือดสีดำทมิฬ แล้วคมมีดหยักอีกด้วย จากนั้นผมจึงไปรับเพื่อนของผม เมื่อผมไปถึงบ้านของเพื่อนผม เขายังไม่ตื่นด้วยซ้ำ เมื่อผมปลุกเขา เขาดันบอกว่าให้ผมออกไปซะ อย่าไปยุ่งกับเขา ผมจึงต้องเดินทางไปตัวคนเดียว ผมจอดรถไว้ที่ทางรถไฟ จัดเตรียมสิ่งของให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปตามทางรถไฟเรื่อยๆ
หลังจากที่ผมเดินมานานสองชั่วโมง ผมเห็นเศษชิ้นไม้อัดที่หักออกมา แล้วเข่าของผมก็เริ่มล้าแล้วด้วยความตื่นเต้น ผมมองไปรอบๆ แล้วเห็นทางเดินไม้อัดซึ่งนำผมไปยังป่า
ผมเดินไปตามทางอย่างช้าๆ พยายามสังเกตทุกๆอย่างรอบตัวอย่างตั้งใจ บางครั้งผมหยุดแล้วย่อตัวฟังเสียงของบางสิ่ง หรือบางคน แต่มันกลับเงียบสงบ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมประสาทเสียที่สุดที่ผมเคยทำมา ผมไม่แน่ใจว่าจะหวังอะไรเมื่อเดินไปถึงทางตันของเส้นทางเดิน
อยู่ๆผมก็เห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งกลมกลืนไปกลับต้นไม้ในป่ามาก จากสภาพภายนอกดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วประมาณ 20-30 ปี ผมหยิบกล้องขึ้นมาแล้วถ่ายรูปสองสามภาพ สนามหน้าบ้านมีเครื่องมือซึ่งทำมาจากเหล็กที่ขึ้นสนิมแล้ว จากนั้นผมก็นั่งกลมกลืนไปกับต้นไม้แถวๆนั้นอยู่ชั่วครู่หนึ่ง มองไปรอบๆกาย
ผมไม่อยากจะเดินไปลานกว้างที่ดูเปิดเผย เพราะผมมีความรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังมองผมอยู่
มันใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ผมจะรวบรวมความกล้าจนเดินไปถึงหน้าบ้านหลังนั้น ประตูบ้านเปิดอยู่ครึ่งนึง ผมจึงดันประตูเข้าไปด้วย ตัวบ้านดูเหมือนว่าจะติดไฟง่าย ผมจึงเก็บไฟฉายของผมเข้าไปในกระเป๋า หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปต่อ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเลย พื้นบ้านปูด้วยอิฐ ไม้ และยาง ผนังบางจุดมีหลุมใหญ่อยู่ด้วย ขณะที่ผมกำลังจะตรวจสอบต่อนั้นเอง ผมเห็นบางสิ่งที่ตอนแรกผมไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่ตอนนี้พวกมันรบกวนใจผมมาก
สิ่งแรกที่ผิดปกติคือ ประตูของห้องแรก ซึ่งผมสันนิษฐานว่ามันจะพาไปสู่ห้องใต้ดิน ดูเหมือนว่าประตูบานนั้นดูใหม่เกินไปสำหรับบ้านเก่าๆหลังนี้ แล้วยังเป็นประตูบานเดียวของบ้านหลังนี้ที่ล็อคอยู่อีกด้วย เมื่อผมเดินไปที่ชั้นสองของบ้าน ผมเห็นเก้าอี้และโต๊ะแบบพับเก็บได้ ที่ดูเหมือนว่ามันจะใหม่เกินไปที่จะอยู่บ้านนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่ผมสงสัยมากที่สุดคือ ห้องน้ำ ฝุ่นที่เกาะอยู่ที่กระจกนั้นถูกปัดทำความสะอาด และที่อ่างอาบน้ำ ผมเห็นผ้าม่านกันน้ำที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่ที่ผ้าม่าน มันถูกทำความสะอาดอย่างดี ขณะนั้นเองผมได้ยินเสียงครวญครางดังมากๆ ผมจึงรีบกระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้านทันทีแล้ววิ่งกลับไปที่ทางเดินที่ผมเข้าบ้านนี้มา
ครึ่งทางหลังจากผมวิ่งออกมาแล้ว ผมจึงนึกได้ว่าเสียงที่ดูเหมือนครวญครางนั้นอาจจะเป็น ท่อระบายน้ำที่อุดตันหรือบีบรัดเกินไปก็เป็นได้ แต่ผมก็รู้สึกสยองอีกเมื่อคิดว่าทำไมถึงยังมีน้ำไหลอยู่ที่บ้านที่ถูกทิ้งร้างไว้ใจกลางของป่าไม้ล่ะ ..
เรื่องราวผ่านมากว่าสองเดือนแล้ว แล้วผมไมคิดจะกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกเลย
ปล. สำหรับคลิปวีดีโอก็ลองไป search ดู YouTube ว่า Barbie.avi เอาละกันฮะ
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นที่ปาร์ตี้ของเพื่อนผม เขาเป็นจิตรกร และได้เช่าหอพักใกล้กับย่านอุตสาหกรรมของเมือง ถ้าคุณจินตนาการถึงเมืองดีทรอยต์ในยุค 1920s ได้ละก็พื้นที่แถวๆหอพักเพื่อนของผมก็มีสภาพคล้ายๆกับแบบนั้นแหละ มีโรงงานเก่าซึ่งอยู่มานานแล้วตั้งอยู่มากมาย
ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่นั้นถูกทิ้งร้างไป..
แล้วตัวผมก็ปาร์ตี้หนักไปหน่อยแล้วไปล้มฟุบที่เตียงนอนของหอพักนั้นเอง ชั้นตื่นขึ้นมาประมาณตี 4 พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแต่ผมก็ยังสามารถทำอะไรได้ในไฟสลัวๆอย่างงี้ ชั้นไปเข้าห้องน้ำ ค่อยๆเดินย่องเท้าไปไม่ให้ไปโดนคนที่เมาหลับอยู่ที่พื้น หลังจากที่ผมปัสสาวะเสร็จผมก็มองไปที่หน้าต่างห้องน้ำ ชั้นก็ได้เห็นทัศนียภาพของเมืองที่ถูกทิ้งร้าง
ผมจำได้ว่าชั้นชอบสถานที่แบบนี้ขนาดไหน มันทั้งมืด ไร้ร่องรอยของการมีชีวิต และดูเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด
ผมกลับไปที่นอนแล้วพยายามจะหลับ หลังจาก 45 ที่ชั้นเอาแต่จ้องมองเพดาน ผมตัดสินใจแล้วว่าไม่อยากอยู่ที่นี้ต่อไปผมจึงรวบรวมความกล้าแล้วโทรไปปลุ่กแฟนสาวของผมให้ขับรถมารับผม ผมเดินไปมาที่ถนนอันว่างเปล่ารอแฟนของผมมารับ ถือว่าโชคดีจริงๆที่มีแฟนดีอย่างงี้ เธอบอกว่าเธอจะมารับผมแน่นอน และเธอบอกผมว่าเธอจะไปถึงภายในครึ่งชั่วโมงแล้วจะโทรเรียกผมเมื่อเธอไปถึงแล้ว เวลาล่วงเกินมาสิบนาทีแล้วโทรศัพทย์ของผมก็ยังไม่มีใครโทรเข้ามา ผมจึงนั่งรอตรงหน้าต่างแล้วสลับกับมองหารถของแฟนผม ผมนั่งไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าหนังตาของผมเริ่มหนักขึ้นจนผมหลับไปในที่สุด
เสียงปะทะดังขึ้นปลุกให้ผมตื่น มันไม่ถึงกับดังมาก แต่ดังพอที่จะปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาได้ ผมมองไปข้างนอกหน้าต่างแล้วมองหาจุดเกิดเหตุ แต่ผมก็ไม่เห็นอะไรเลย เลยถนนใกล้กับหอพักเพื่อนผม ใกล้ๆภูเขาลูกนึงมีถุงขยะอยู่ หนึ่งในนั้นมีถุงนึงที่มีคอมพิวเตอร์แล้วหน้าจอคอมหล่นลงไปที่พื้น แต่ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้มันยังไม่มีถุงขยะนี้
เมื่อแฟนสาวของผมมาถึง ผมรีบวิ่งไปที่ด้านล่างแล้วทักทายเธอ ในตอนที่ผมกำลังจะขึ้นรถนั่นเอง ผมจำได้ว่าเพื่อนของผมทำแหล่งจ่ายไฟเสีย ผมจึงเดินไปที่กองขยะนั้นแล้วหาว่ามีของอะไรที่ยังไม่ชำรุดมาก แล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้ จอคอมพิวเตอร์ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ แต่เคสคอมนั้นไม่เสียหายอะไรมากมายนัก ผมจึงนำมันไปใส่ที่กระโปรงท้ายรถ แล้วขับออกจากสถานที่นี้
สัปดาห์ผ่านไป ผมลืมไปซะสนิทว่าผมได้หยิบเคสคอมมาจนแฟนสาวของผมเตือนว่ามันอยู่ท้ายรถ ผมจึงหยิบมันออกมา ในคืนที่ผมนำมันมาที่บ้าน ผมจึงลองเปิดเคสดู แล้วมันยังใช้งานได้! มันเป็น Windows XP แล้วดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรเลย ผมจึงลองค้นหาคำว่า "tits" หรือ "pussy" เผื่อจะเจอความลับอะไรที่ซ่อนอยู่ที่เคสเครื่องนีที่เจ้าของเครื่องเก่าลืมลบไป ผลการค้นหาบอกว่า ไม่มีผลลัพธ์ รวมไปถึงค้นหารูปภาพด้วย ผมจึงลองค้นหาคลิปดู แล้วจู่ๆก็มีไฟล์หนึ่งขึ้นมา มันมีนามสกุล .avi ข้างในโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า barbie
ผมจึงดูคลิปวีดีโอนั้น เรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อก็ได้เกิดขึ้น
หนังมีความยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง ดูเหมือนเป็นวีดีโอคุณภาพต่ำ ในวีดีโอมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และคุยอยู่กับฉากหลังสีขาว ผมจึงกด Skip ไปเรื่อยๆแต่ดูเหมือนว่าในคลิปจะไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว ผมจึงตัดสินใจนั่งดูตั้งแต่ตอนแรกแล้วฟังว่าผู้หญิงในคลิปนั้นพูดเกี่ยวกับอะไร สิบห้าวินาทีแรกเสียงในคลิปนั้นฟังไม่รู้เรื่อง เสียงของเธอถูกเสียงพื้นหลังบดบังจนหมด ผมจึงไม่สามารถเข้าใจเรื่องที่เธอพูดถึงได้
ผมจึงดัดแปลงเสียงในคลิปวีดีโอ ซึ่งมันก็ช่วยได้นิดหน่อย แต่ผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูดอยู่ดี ผมจึงเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นของเธอแทน ถ้าไม่สามารถฟังเสียงได้ ผมจึงดูปากแล้วภาษากายของเธอแทน ดูเหมือนว่าเธอจะถามคำถามอะไรซักอย่าง เพราะว่าบางครั้งเธอหยุดเพื่อที่จะฟัง จากนั้นเธอก็พูดต่อ
ประมาณ 15 นาทีของวีดีโอ หน้าของผู้หญิงคนนั้นเริ่มแดงแล้วบิดเบี้ยวอาจเป็นเพราะคำถามที่ถามทำให้เธอรำคาญใจ แต่เธอก็ยังตอบคำถามนั้นอยู่ดี ต่อจากนั้นเธอเริ่มจะร้องไห้ เธอร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน ผมอ่านริมฝีปากของเธอบางคำออก ผมเห็นเธอพูดว่า "ผิวหนัง" เธอพูดซ้ำแต่คำนี้ตลอดคลิปวีดีโอนี้ ดูเหมือนว่าเธอไม่ประทับใจกับผิวหนังของเธอ
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันแน่นอยู่ในอกของผม แต่เวลาล่วงเลยมานานแล้วแล่ะผมเลั่าต่อไม่ไหว ผมจะมาเล่าต่อพรุ่งนี้ละกัน
ผมยังคงดูวีดีโอนี้ต่อไป สี่สิบนาทีผ่านมาแล้วเธอยังคงเอาแต่ร้องไห้ เธอไม่แม้แต่มองมาที่กล้องเลย เธอหยุดพูดตั้งแต่เธอร้องไห้ แล้วที่เหลือของวีดีโอนี้ก็มีแต่ภาพของเธอที่ร้องไห้แล้วกัมหัวของเธอลง มันเริ่มแปลกๆเมื่อเธอหยุดขยับ ต่อจากนั้นหน้าจอก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
ผมตะลึงอย่างมากในตอนนั้น
ผมกลับไปดูวีดีโอนั้นวนไปวนมาอยู่หลายครั้งในคืนนั้น พยายามมองหาสิ่งผิดปกติของผู้หญิงคนนั้น ที่อาจจะทำให้ผมรู้ว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมไม่พอใจอย่างมาก ผมอยากจะรู้เรื่องราวมากกว่านี้อีก จนผมสังเกตเห็นว่า มีเวลาเหลืออีก 10 นาทีของวีดีโอหลังจากที่หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำ สองนาทีในนั้นก็เป็นภาพวีดีโอ
ภาพในวีดีโอนั้นสั่นๆไปมา ดูแทบไม่รู้เรื่อง ปรากฏให้เห็นขาเดินไปตามทางรางรถไป ผมเดาว่าตากล้องคงจะลืมปิดกล้องแล้วถือกล้องนั้นเดินต่อไปละมั้ง บุคคลในวีดีโอนั้นเดินไปตามทางรถไฟประมาณหกนาที แล้วก็เดินไปที่ป่า แล้วทางเดินดูเหมือนทำมาจากไม้อัด บุคคลในวีดีโอยังคงเดินไปตามทางไม้อัดเรื่อยๆจนวีดีโอจบลง
ตอนนี้ใจของผมเต้นรัว ด้วยความตื่นเต้นเนื่องจากผมเคยเห็นทางรถไฟประมาณสองสามไมล์ไกลออกไป ที่ดูเหมือนกับที่ผมเห็นในวีดีโอนี้ ผมจะต้องไปตรวจสอบดูให้ได้
ผมโทรไปเรียกเพื่อนของผม เอซร่า เขาเป็นคนที่แข็งแรงพอดู ผมจึงให้เขาเข้าร่วมการผจญภัยไปกับผมด้วย ผมไม่ได้ฝืนใจตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่าผมจะต้องรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆของเพื่อนผมอาจจะปกป้องผมได้
เช้าวันต่อมาในวันเสาร์ที่แสงแดดจ้า ผมนำไฟฉายไปด้วย พร้อมกับมีดพกยาวเจ็ดนิ้วซึ่งเคลือดสีดำทมิฬ แล้วคมมีดหยักอีกด้วย จากนั้นผมจึงไปรับเพื่อนของผม เมื่อผมไปถึงบ้านของเพื่อนผม เขายังไม่ตื่นด้วยซ้ำ เมื่อผมปลุกเขา เขาดันบอกว่าให้ผมออกไปซะ อย่าไปยุ่งกับเขา ผมจึงต้องเดินทางไปตัวคนเดียว ผมจอดรถไว้ที่ทางรถไฟ จัดเตรียมสิ่งของให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปตามทางรถไฟเรื่อยๆ
หลังจากที่ผมเดินมานานสองชั่วโมง ผมเห็นเศษชิ้นไม้อัดที่หักออกมา แล้วเข่าของผมก็เริ่มล้าแล้วด้วยความตื่นเต้น ผมมองไปรอบๆ แล้วเห็นทางเดินไม้อัดซึ่งนำผมไปยังป่า
ผมเดินไปตามทางอย่างช้าๆ พยายามสังเกตทุกๆอย่างรอบตัวอย่างตั้งใจ บางครั้งผมหยุดแล้วย่อตัวฟังเสียงของบางสิ่ง หรือบางคน แต่มันกลับเงียบสงบ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมประสาทเสียที่สุดที่ผมเคยทำมา ผมไม่แน่ใจว่าจะหวังอะไรเมื่อเดินไปถึงทางตันของเส้นทางเดิน
อยู่ๆผมก็เห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งกลมกลืนไปกลับต้นไม้ในป่ามาก จากสภาพภายนอกดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วประมาณ 20-30 ปี ผมหยิบกล้องขึ้นมาแล้วถ่ายรูปสองสามภาพ สนามหน้าบ้านมีเครื่องมือซึ่งทำมาจากเหล็กที่ขึ้นสนิมแล้ว จากนั้นผมก็นั่งกลมกลืนไปกับต้นไม้แถวๆนั้นอยู่ชั่วครู่หนึ่ง มองไปรอบๆกาย
ผมไม่อยากจะเดินไปลานกว้างที่ดูเปิดเผย เพราะผมมีความรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังมองผมอยู่
มันใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ผมจะรวบรวมความกล้าจนเดินไปถึงหน้าบ้านหลังนั้น ประตูบ้านเปิดอยู่ครึ่งนึง ผมจึงดันประตูเข้าไปด้วย ตัวบ้านดูเหมือนว่าจะติดไฟง่าย ผมจึงเก็บไฟฉายของผมเข้าไปในกระเป๋า หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปต่อ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเลย พื้นบ้านปูด้วยอิฐ ไม้ และยาง ผนังบางจุดมีหลุมใหญ่อยู่ด้วย ขณะที่ผมกำลังจะตรวจสอบต่อนั้นเอง ผมเห็นบางสิ่งที่ตอนแรกผมไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่ตอนนี้พวกมันรบกวนใจผมมาก
สิ่งแรกที่ผิดปกติคือ ประตูของห้องแรก ซึ่งผมสันนิษฐานว่ามันจะพาไปสู่ห้องใต้ดิน ดูเหมือนว่าประตูบานนั้นดูใหม่เกินไปสำหรับบ้านเก่าๆหลังนี้ แล้วยังเป็นประตูบานเดียวของบ้านหลังนี้ที่ล็อคอยู่อีกด้วย เมื่อผมเดินไปที่ชั้นสองของบ้าน ผมเห็นเก้าอี้และโต๊ะแบบพับเก็บได้ ที่ดูเหมือนว่ามันจะใหม่เกินไปที่จะอยู่บ้านนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่ผมสงสัยมากที่สุดคือ ห้องน้ำ ฝุ่นที่เกาะอยู่ที่กระจกนั้นถูกปัดทำความสะอาด และที่อ่างอาบน้ำ ผมเห็นผ้าม่านกันน้ำที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่ที่ผ้าม่าน มันถูกทำความสะอาดอย่างดี ขณะนั้นเองผมได้ยินเสียงครวญครางดังมากๆ ผมจึงรีบกระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้านทันทีแล้ววิ่งกลับไปที่ทางเดินที่ผมเข้าบ้านนี้มา
ครึ่งทางหลังจากผมวิ่งออกมาแล้ว ผมจึงนึกได้ว่าเสียงที่ดูเหมือนครวญครางนั้นอาจจะเป็น ท่อระบายน้ำที่อุดตันหรือบีบรัดเกินไปก็เป็นได้ แต่ผมก็รู้สึกสยองอีกเมื่อคิดว่าทำไมถึงยังมีน้ำไหลอยู่ที่บ้านที่ถูกทิ้งร้างไว้ใจกลางของป่าไม้ล่ะ ..
เรื่องราวผ่านมากว่าสองเดือนแล้ว แล้วผมไมคิดจะกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกเลย
ปล. สำหรับคลิปวีดีโอก็ลองไป search ดู YouTube ว่า Barbie.avi เอาละกันฮะ
วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557
โปรเจ็คพิเศษ : รวมเรื่องสั้นสยองขวัญต่างประเทศ ( ไม่ถึง 10 บรรทัด )
ไม่เจอกันนาน ขอโทษทีครับพอดีติดธุระ ถ้าผมมีเวลาว่างเมื่อไรก็จะแปลบทความใน Request ให้นะครับ บทความนี้ผมจะรวบรวมเรื่องสั้นของต่างประเทศ แนวๆคล้ายกับเพจ เรื่องสยองสองบรรทัดครับ
เรื่องที่ 1 : ฉันขยับ หายใจ แม้แต่พูดก็ไมได้เลย มันมืดอยู่ตลอดเวลา ถ้าฉันรู้ว่ามันจะโดดเดี่ยวขนาดนี้ ฉันน่าจะบอกให้ญาติเผาศพฉันดีกว่า
เรื่องที่ 2 : ฉันไม่กลัวสุสานหรอกนะ เพราะมันคือสถานที่เดียวที่ผีจะไม่ตามฉันไป
เรื่องที่ 3 : ผมเข้าไปที่ลิฟท์คนเดียวแล้วกดปุ่มที่ลิฟท์ ในขณะนั้นเองผมรู้สึกเหมือนมือของผมปิดปากของตัวเองอยู่
4. ตอนที่เราย้ายเข้าบ้านมาใหม่ๆชั้นนึกว่ารอยข่วนตรงประตูนั้นมาจากหมาของใครซักคน แต่เพื่อนบ้านของชั้นบอกว่าเจ้าของเก่าบ้านหลังนี้ไม่ได้เลี้ยงหมาไว้ซักตัวเลยนะ วันต่อมารอยข่วนก็มีเพิ่มขึ้น..
5. ผมชอบให้ลูกสาวของผมมานอนกับผมในตอนกลางคืน ผมมักจะซุกไหล่ของเธอ แม้ว่ามันจะมีกลิ่นเหม็นสาบจากร่างกายที่เน่าเปื่อยแล้วของเธอก็ตาม
ตลอดเวลา ฉันจะได้ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องอีก
7. ปัญหาเดียวของการหนีออกจากบ้านคือ พ่อแม่จะหาตัวคุณไม่เจอ แต่ครั้งนี้พ่อแม่ของคุณจะหากรงนี้เจอพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของคุณ
8.ผมได้ยินลูกชายของผมกรีดร้อง ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน ลูกชายของผมไม่เชื่อที่ผมพูดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เมื่อเขาเห็นเงาของตัวอะไรซักอย่างเดินตามผมมาด้วย
9. ผมเลื่อนลงไปดูรูปภาพของผมในเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยรูปที่ผมกำลังนอนอยู่ แต่ละรูปมีเงาของชายคนนึงกำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นในแต่ละรูป รูปสุดท้ายที่อัปโหลดเมื่อคืนนั้นคือรูปที่ชายคนนั้นเปิดผ้าห่มที่นอนของผม
10. ลูกสาวของฉันร้องไห้ไม่หยุดทุกๆคืน ฉันไปเยี่ยมที่หลุมศพของเธอแล้วบอกให้เธอหยุดร้องซะ แต่มันก็ไม่ได้ผล
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)