วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

The Smiling Man (Full Ver.)

ห้าปีที่แล้วตอนผมอาศัยอยู่ที่ใจกลางเมืองนิวยอร์ค ในตอนกลางคืนผมมักจะออกไปเดินเล่นข้างนอกและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ตลอดสี่ปีนั้นผมทำอย่างนั้นตลอด เดินคนเดียวในตอนกลางคืน และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ผมต้องกลัว แต่แล้วมันก็มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมกลัวการเดินคนเดียวในตอนกลางคืนไปตลอดชีวิต

มันเป็นวันพุธ ประมาณช่วงตี 1-2 นั้นเอง ผมกำลังเดินอยู่ใกล้ๆกับรถตำรวจซึ่งจอดอยู่ไกลจากอพาร์ตเมนท์ผมพอสมควร มันช่างเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ แม้มันจะเป็นวันหยุดก็ตาม แต่ผมไม่ก็ไม่ค่อยเห็นรถราแล่นแล่นตามท้องถนนซักเท่าใด ยิ่งคนเดินนี่ไม่ต้องพูดถึง

ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่อพาร์ตเมนท์ของผมนั้นเอง ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่ง อยู่ตรงสุดของถนน และอยู่ถนนฝั่งเดียวกับผม เป็นเงาของผู้ชายที่กำลังเต้นอยู่ เต้นแบบแปลกๆคล้ายๆกับการเต้นแบบวอลซ์ และแต่ละจังหวะที่เค้าเต้นเค้าก็จะเดินไปข้างหน้าแบบแปลกๆ หรือจะพูดให้ถูกคือเค้ากำลังเดินไปเต้นไปนั้นแหละ พร้อมกับหันหน้ามาหาผม

ผมคิดว่าเค้ากำลังเมาอยู่ ผมจึงลองเดินใกล้เข้าไปดู ยิ่งผมใกล้มากเท่าใด ผมก็ยิ่งสังเกตการเคลื่อนไหวของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น เค้าสูงและผอม และสวมเสื้อสูทตัวเก่าๆ เขายังคงเต้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนผมเห็นหน้าของเขา ตาของเขาเบิกกว้างและกว้างขึ้นเรื่อยๆ หัวของเขาเอียงไปทางด้านหลังเล็กน้อยแหงนมองไปบนท้องฟ้า ปากของเขาฉีกยิ้มกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ปกติจะทำได้ด้วยความเจ็บปวด ระหว่างนั้นเอง

ผมรีบหันหน้าหนีแล้วตัดสินใจข้ามถนนหนีก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ผมมากกว่านี้ ตอนที่ผมไปถึงอีกฝั่งของถนนแล้วนั้นเอง ผมก็เหลือบกลับไปมอง ผมหยุดชะงักด้วยความหวาดกลัว ชายคนนั้นได้หยุดเต้นและค้างท่ายืนขาเดียวอยู่บนถนนนั้น ยืนตรงข้ามกับผม หันหน้ามาทางผมแต่ยังคงแหงนมองที่ท้องฟ้าอยู่ รอยยิ้มยังคงกว้างอยู่อย่างนั้น

ผมตกใจอย่างมากและเริ่มเดินกลับตามปกติพร้อมมองไปที่ชายคนนั้นอยู่ตลอด เค้าไม่ได้ขยับไปไหน ผมเดินไปเรื่อยๆและหันกลับไปดูทางถนนข้างหน้าผม ที่ถนนและทางเดินมันว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย และในตอนนั้นเองผมหันกลับไปมองหาผู้ชายคนนั้น ปรากฏว่าเขาได้หายไปแล้ว ในตอนนั้นผมรู้สึกโล่งออกมาก จนผมเห็นเขาอีกครั้งนึง เค้าได้ข้ามถนนมาอีกฝั่งและครั้งนี้เขาหมอบคลานมา หันมาหาผม ผมใช้เวลาหันกลับไปดูถนนไม่ถึงสิบวินาทีเลย ทำไมเขาเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดนี้

ผมช็อกและยืนค้างอยู่อย่างงั้น มองไปที่ชายคนนั้น และเค้าเริ่มเคลื่อนที่มาหาผมอีกครั้งนึง  เค้าวิ่งโดยเขย่งปลายเท้าและก้าวยาวมาก เหมือนกับตัวการ์ตูนที่กำลังสะกดรอยตามใครซักคนอยู่ เว้นแต่ว่าเค้าเคลื่อนที่มาเร็ว เร็วมาก ในวินาทีนั้นผมอยากจะวิ้งให้ไกลที่สุดหรือหยิบสเปรย์พริกไทยหรือมือถือ หรืออะไรซักอย่างที่จะช่วยผมได้ในตอนนั้น แต่ผมไม่ได้ทำ ผมทำได้เพียงแค่ยืนอยู่อย่างนั้นตัวแข็งตอนที่ชายคนนั้นมาใกล้ผมเรื่อยๆ

แต่จู่ๆเขาก็หยุดเคลื่อนไหว ห่างจากผมประมาณรถคันนึง ยังคงฉีกยิ้มและแหงนมองท้องฟ้า

จนในที่สุดผมก็ได้สติและกำลังคิดคำด่ามันอยู่ว่า "มึงต้องการอะไรจากกูวะ" ด้วยน้ำเสียงที่โกรธอย่างเต็มที่ แต่เมื่อผมพูดออกไปจริงๆนั้นผมทำได้เพียงแค่พูดว่า "มึงต้องกา...."

เคยมีคนบอกว่ามนุษย์เราได้กลิ่นความหวาดกลัว หรือแม้แต่ได้ยินด้วย ตอนนี้ผมได้ยินมันในหัว เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผมกลัวมากขึ้นได้แล้ว เพียงแค่เห็นชายคนนั้นยืนอยู่นิ่งๆพร้อมกับฉีกยิ้ม

เวลาผ่านไปช้ามาก จนในที่สุดเขาก็หันหลังกลับไปอย่างช้าๆ และเริ่มเต้นไปเดินไปออกไปจากผม ผมไม่คิดจะเดินกลับไปหาเขาอีก ผมมองเค้าห่างจากผมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเค้าอยู่ไกลจนเกือบมองไม่เห็น จนผมสังเกตเห็นว่าเค้าไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนอีกแล้ว เขาเต้นอยู่กับที่ จนผมเห็นเงาของเขาเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขาวิ่งกลับมาหาผม!

ผมเห็นดังนั้น ผมจึงวิ่งหนีจากเขาสุดฝีเท้า

ผมวิ่งไปเรื่อยๆจนผมเห็นไฟถนนและรถวิ่งตามท้องถนน ผมมองหันกลับไป ผมไม่เห็นเขาอีกแล้ว ตลอดทางกลับอพาร์ตเมนท์ ผมก็เหลือบหันไปมองด้านหลังผมตลอดเวลาว่าจะเห็นชายคนนั้นอีกรึไม่ แต่ก็ไม่เห็นอีกแล้ว

ผมยังคงอยู่ที่เมืองนั้นต่ออีกหกเดือนหลังจากคืนนั้น ผมไม่กล้าที่จะไปเดินเล่นข้างนอกคนเดียวอีกเลย มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหน้าของเขาที่ยังคงหลอนผมจนถึงทุกวันนี้ เขาไม่ได้ดูเหมือนคนเมาหรือขาดสติ หน้าของเขาดูเหมือนกับคนที่บ้าคลั่งอย่างเต็มพิกัด นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในชีวิตผม...

2 ความคิดเห็น: